นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์(CMO)กล่าวว่า บริษัทได้ปรับเป้ารายได้ในปี 52 ลดลงมาอยู่ที่ 780 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมต้นปีที่ตั้งไว้ 800 ล้านบาท เนื่องจากบรรยากาศที่ไม่ดีทั้งสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้งานอีเวนต์ลดลง ถึงแม้จะมีงานของภาครัฐเพิ่มขึ้น
แต่การที่บริษัทตัดสินใจยกเลิกจัดงาน "อังกอร์ วัด"ที่กัมพูชา และ งาน"หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล"ในปีนี้ น่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทพลิกมีกำไรได้ จากที่ขาดทน 16.14 ล้านบาทในปี 51
"ในปีนี้ผมคงไม่หวังอะไรมาก พยายามทำในสิ่งที่มองแล้วน่าจะสร้างรายได้ เพราะบรรยากาศอย่างงี้ก็เข้าใจได้ว่าใครจะมาจัดงาน และยังถูกการเมืองกดดันอย่างนี้อีก ทำให้ผมมองว่าการจัดงานอีเวนต์ในปีนี้คงจะติดลบ 2-3% และการที่เราเลื่อนงานที่อังกอร์ออกไปก็ถือว่าเป็นการลดความเสี่ยง เพราะที่ผ่านมาเราขาดทุนจากตัวนี้ทุกปี ถ้าตัดขาดทุนจากตัวนี้ไปก็น่าจะทำให้เรามีกำไรได้"นายเสริมคุณ กล่าว
นายเสริมคุณ กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินของภาครัฐทำให้ CMO หันมารับงานภาครัฐมากขึ้นเป็น 50% จากเดิม 40% ขณะที่ลดรับงานภาคเอกชนลง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประมูลภาครัฐเป็นงานของกระทรวงต่างๆ มูลค่างาน 250 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลในไตรมาส 2-3/52
สำหรับรายได้ในปีนี้เชื่อว่าสามารถทำได้ตามเป้าหมายใหม่ที่ปรับลดลงมาแล้ว เพราะปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(backlog)อยู่แล้ว 500 ล้านบาท ที่จะรับรูี้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด ขณะเดียวกันก็น่าจะมีกำไรได้ เนื่องจากการที่บริษัทชะลอการรับงานแสง สี เสียง อังกอร์วัด ที่ประเทศกัมพูชาในปีนี้ออกไปเป็นปีหน้า รวมถึงการยกเลิกการจัดงานหัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล
อนึ่ง งานอังกอร์วัดมีมูลค่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30-40 ล้านบาท และ งานหัวหินแจ๊สฯ 15 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาผลประกอบการของบริษัททรงตัวหรือมีรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนซึ่งเป็นปกติของไตรมาสแรกของทุกปี แต่ไตรมาส 2/52 เชื่อว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งในส่วนของบริษัทก็รอประมูลงานราชการอยู่ และจากรัฐที่เร่งการใช้จ่ายงบฯก็น่าจะช่วยได้อีกทาง
"ปีนี้บริษัทคงจะประคองตัวแม้จะมีงานอีเวนต์ออกมาไม่มากก็ตามแต่การที่บริษัทปรับโครงสร้างองค์กรก็จะทำให้มีความคล่องตัวและสามารถเข้าประมูลงานตามรูปแบบของแต่ละหน่วยงานได้มากขึ้น cost ก็จะลดลง"นายเสริมคุณ กล่าว