ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข่าวสหรัฐเล็งอุ้มบ.ประกัน หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 47.55 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 9, 2009 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มประกันหลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมแผนให้ความช่วยเหลือบริษัทประกัน นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้นขานรับข่าวในด้านบวกที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทั้งสองประเภท อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะฉุดผลประกอบการในภาคเอกชนหดตัวลงด้วย และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดคาดการณ์จีดีพีสหรัฐในปีหน้า

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 47.55 จุด หรือ 0.61% แตะที่ 7,837.11 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 9.61 จุดหรือ 1.18% แตะที่ 825.16 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 29.05 จุดหรือ 1.86% แตะ 1,590.66 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.32 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.86 พันล้านหุ้น

เฟรดเดอริค ดิคสัน นักวิเคราะห์จาก D.A. Davidson & Co ในมลรัฐโอเรกอนกล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มประกันหลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า บริษัทประกันชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากมูลค่าตลาดที่ร่วงลงนั้น มีคุณสมบัติในการขอรับเงินทุนจากรัฐบาล ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทประกันดีดตัวขึ้น โดยหุ้นพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียลพุ่งขึ้นเกือบ 8%

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับผลกระทบจากการที่เฟดปรับลดคาดการณ์จีดีพีในปีพ.ศ.2553 และความกังวลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะฉุดผลประกอบการในภาคเอกชนหดตัวลงด้วย

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัว 2.6%ในปีพ.ศ.2552 มากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวลงเพียง 1.6% ซึ่งการทบทวนตัวเลขคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟมีขึ้นหลังจากธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และคาดว่าการค้าทั่วโลกจะถดถอยลงรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี

ส่วนจีดีพีประจำไตรมาส 4 ปีพ.ศ.2551 ของสหรัฐหดตัวลง 6.3% ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2525

จอร์จ โซรอส ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินระดับโลกแสดงความคิดเห็นว่า การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเป็นผลมาจากปัจจัยทางจิตวิทยา แต่ภาวะเศรษฐกิจซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงยังคงอ่อนแอ นอกจากนี้ โซรอสกล่าวว่าปัญหาในระบบการธนาคารของสหรัฐยังไม่สามารถแก้ไขได้จนถึงขณะนี้ เนื่องจากหนี้เสียที่มีอยู่เป็นจำนวนมากและมูลค่าสินทรัพย์ที่ลดน้อยลง

หุ้นในกลุ่มประกันดีดตัวขึ้นจากข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมให้ความช่วยเหลือบริษัทประกัน โดยหุ้นเมทไลฟ์ อิงค์ พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล คอร์ป พุ่งขึ้น 7.7% และหุ้นฮาร์ฟอร์ด ไฟแนนเชียล เซอวิสเซส ปิดบวก 13.5%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดบวกเช่นกัน รวมถึงหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ดีดตัวขึ้น 1.7% และหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป ปิดบวก 2.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ