กลุ่ม PTT เทรดคึกคักรับปัดฝุ่นแผนควบรวมสายโรงกลั่น-สายปิโตรเคมี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 9, 2009 10:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้นกลุ่ม PTT เช้าวันนี้เทรดคึกคักหลังจากมีกระแสข่าวเตรียมปัดฝุ่นแผนควบรวมกิจการในเครืออีกครั้งหลังจากที่หยุดชะงักไป โดยครั้งนี้จะให้ได้ข้อสรุปภายในปีนี้

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.27 น.

PTTAR อยู่ที่ 10.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท (+4.12%)

TOP อยู่ที่ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท (+4.59%)

PTT อยู่ที่ 162.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท (+1.56%)

IRPC อยู่ที่ 2.08 บาท เพิ้มขึ้น 0.12 บาท (+6.12%)

PTTEP อยู่ที่ 98.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท (+0.77%)

PTTCH อยู่ที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท (+5.93%)

นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส(ASP) กล่าวว่า ข่าว PTT ปัดฝุ่นแผนควบรวม PTTCH-IRPC,TOP-PTTAR สรุปดีลจบภายในปลายปีนี้ เป็นสิ่งที่กลุ่ม PTT คิดว่าจะทำอยู่แล้วการที่จะรวมกลุ่มโรงกลั่นอย่าง IRPC กับ PTTCH ก็อยู่ในแผนเพราะ IRPC อาจจะไม่ค่อย perform ก็ต้องใช้โอกาสนี้ในการควบรวมแต่ก็จะเป็นภาระกับ PTTCH

ขณะนี้คงยังต้องรอดูความชัดเจนต่าง ๆ ก่อน และยังไม่ปรับเปลี่ยนคำแนะนำในตอนนี้ อย่าง PTTCH และ IRPC ก็ยังแนะ"ขาย" ส่วนตัวที่มีความมั่นคงกว่าอย่าง PTT หรือ PTTEP ยังน่าสนใจลงทุน

"ดูอยู่เหมือนกันว่าถ้าปรับรวมกันแล้วจะเป็นอย่างไร แต่วันนี้ก็ยังไม้ได้ปรับคำแนะนำหรือราคาเป้าหมาย"นางภรณี กล่าว

ด้านสถาบันวิจัยนครหลวงไทย(SCRI) ประเมินการควบรวมกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นตามแผนเดิมจะมีความน่าสนใจในการเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น (Focus ไปที่ TOP และ PTTAR) เนื่องจากปี 2552 ความร่วมมือในเรื่องการจัดสรรการใช้กำลังการกลั่นคาดจะเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากขึ้น หาก PTT ต้องการ Maximize ผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับภาพรวม การควบรวมในช่วงธุรกิจอยู่ในขาลงน่าจะทำให้ธุรกิจที่เป็นแกนมีโอกาสเติบโต ขณะที่ บริษัทลูกในกลุ่มน่าจะสะท้อนมูลค่าเหมาะสมได้ดีขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ซื้อขายอยู่ที่ PBV เพียง 0.52-0.87 เท่า

สำหรับแนวโน้มความเหมาะสมของการควบรวมของการควบรวมน่าจะเป็น TOP-PTTAR ซึ่งอยู่ในสายโรงกลั่นที่มีสายการผลิตเชื่อมโยงไปปิโตรเคมี และ IRPC กับ PTTCH ซึ่งมีธุรกิจหลักอยู่สายปิโตรเคมีโอเลฟินส์

ประเมินการควบรวมในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีส่วนที่เหลือ จะสร้าง Synergy ได้น้อยกว่าการควบรวมในช่วงก่อนหน้าของ TOC และ NPC และ RRC กับ ATC ซึ่งเกิดผลประโยชน์ในเชิงการรวมดำเนินงานที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ที่จะเกิดจากการควบรวมครั้งนี้น่าจะเกิดขึ้นมากกว่าในการทำให้ราคาหุ้นสะท้อนมูลค่าเหมาะสมที่แท้จริงมากขึ้นจากการซื้อขายที่ Pricing ในระดับต่ำจากการเข้าสู่ Downcycle ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เบื้องต้นประเมินหุ้นทั้งกลุ่มมีโอกาสปรับขึ้นจากการเก็งปัจจัยบวกจากข่าว M&A รวมทั้งระยะสั้นภาพอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีการฟื้นตัว ทั้งนี้ หุ้นที่มี PBV ต่ำมีแนวโน้มจะได้รับการกลับมาได้รับความสนใจในอันดับต้นจากประเด็นควบรวม โดยปัจจุบัน PBV ของหุ้นเรียงจากน้อยไปมาก คือ IRPC 0.52 เท่า PTTAR 0.55 เท่า PTTCH 0.54 เท่า และTOP 0.87 เท่า แนะ “เก็งกำไร" PTTAR เป็นอันดับต้น โดยประเมินหุ้นมีแนวโน้ม outperform ทั้งจากปัจจัยบวกจากภาพของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอโรเมติกส์ที่ฟื้นตัวโดดเด่น และจาก PBV ที่อยู่ในระดับต่ำ โดยทำให้มีการปรับเพิ่มประมาณการปี 2552 และปรับการประเมินมูลค่าเหมาะสมเป็น 12.45 บาท ส่วนการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อโรเมติกส์เริ่มอยู่ในระดับมีนัยสำคัญ โดย SCRI คาดว่าจะทำให้ธุรกิจปิโตรเคมีสายอโรเมติกส์ที่เคยคาดจะเป็นตัวฉุดประกอบการในปี 2552 มีภาพที่ดีขึ้นและอาจกลับมาทำกำไรได้ใน Q2/52 การปรับเพิ่มรวดเร็วของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ในเดือนมี.ค. 2552 ส่งผลให้ YTD ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PX-Condensate และ BZ-Condensate ดีกว่าสมมติฐานเดิม 64% - 107% แต่เนื่องจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ส่วนใหญ่คาดยังคงมาจากการ Restock ของสินค้าในกลุ่มสินค้าคงทน

SCRI จึงปรับเพิ่มสมมติฐานส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยปี 52 เพิ่มขึ้นเพียง 52% - 60% ส่งผลให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2552 ขึ้นเป็น 5,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% ภาพรวมของธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีขึ้นกว่าคาด คาดจะสนับสนุนการกลับมาเก็งกำไรของหุ้น ซึ่งปัจจุบันมี P/BV เกือบต่ำที่สุดในกลุ่ม และน่าจะถือว่าได้ว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในปี 2551 ไปแล้ว SCRI อิง PER 7 เท่าซึ่งเป็น PER ในระดับใกล้เคียงเดิม ราคาเหมาะสมปี 2552 ปรับขึ้นจาก 7.50 บาท เป็น 12.45 บาท ซึ่งยังคงมี upside 28% ขณะที่ คาดราคาปัจจุบันให้ Dividend Yield ได้ประมาณ 5.22%


แท็ก ปิโตรเคมี   pttar  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ