บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) ยืนยันไม่มีแนวคิดขายหุ้น บมจ. แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ (CAWOW) แต่จะบริหารจัดการให้งบดุลดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจหลักปีนี้หนังฟอร์มยักษ์รอคิวฉายเพียบช่วยดันรายได้เติบโตไดเจากปีก่อนแน่นอน พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจในอินเดียตามแผนงาน แม้เศรษฐกิจโลกมีปัญหา เล็งจังหวะออกหุ้นกู้ 1.5 พันล้านบาท
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร MAJOR เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่มีนโยบายจะขายหุ้นที่ถือใน CAWOW ออกไป แต่มีนโยบายที่จะดูแลด้านงบดุลของ CAWOW ให้ดีขึ้น เนื่องจากธุรกิจสถานออกกำลังกายมีค่าใช้จ่ายและค่าเสื่อมราคาสูง ผลประกอบการโดยรวมออกมาจึงไม่ดีนัก และฉุดงบการเงินของ MAJOR ไปด้วย แต่บริษัทก็ยังจะคงธุรกิจนี้ไว้ เนื่องจากสาขาหลักยังสร้างรายได้ได้ดี และบางสาขามีพื้นที่ให้บริการอยู่ในสาขาของ MAJOR
"ถ้ามอง EBITDA ของ CAWOW สร้าง EBITDA 2 พันล้านบาทต่อปี ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ แต่เมื่อมองในแง่ผลกำไร ยอมรีบว่าไม่ดีนัก แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะขาย แม้ที่ผ่านมาจะโดนโจมตีจากคู่แข่งเยอะ และแข่งกันทำ Hardsale รุนแรง แต่เราจะเพิ่มการบริการที่ดีขึ้น"นายวิชา กล่าว
ส่วนผลประกอบการ MAJOR ในปีนี้ยังเชื่อว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยไตรมาส 1/52 รายได้น่าจะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1/51 แต่ไตรมาส 2/52 คาดว่าจะออกมาดีอย่างโดดเด่น เนื่องจากมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์รอเข้าฉายหลายเรื่องในช่วงนี้ เช่น Harry Potter ภาค 6, CRANK HIGH VOLTAGE, คนเหล็ก 4, ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 3 เป็นต้น
บริษัทยังคงเดินแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยขณะนี้ได้เปิดเลนโบว์ลิ่งสาขาแรกในที่เมืองบังกะลอร์ไปแล้วและได้รับการตอบรับดีมาก โดยทำรายได้ 6 แสนรูปี/วัน และในอนาคตจะมีการเปิดอีก 3 สาขาในเมืองใหญ่ของอินเดียอีก ได้แก่ เมืองนิวเดลี บังกะลอร์ และมุมไบ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ปีนี้คงจะยังทำรายได้ให้บริษัทไม่มากนัก เนื่องจากมีเพียงสาขาเดียวและรายได้ยังไม่สูงมาก
*รอจังหวะออกหุ้นกู้ 1.5 พันล้านบาท
นายวิชา กล่าวว่า ในปี 52 บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ 1.5 พันล้านบาท อายุ 3 ปี ได้อันดับเครดิต A- จากทริสเรทติ้ง โดยวันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติแล้ว มองว่าจังหวะเวลานี้เหมาะสมที่จะออกหุ้นกู้ เพราะต้นทุนดอกเบี้ยลดลง จุดประสงค์เพื่อบริหารความเสี่ยงการจัดการทางการเงิน รีไฟแนนซ์ คืนหนี้ระยะสั้น
"ช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีหากจะออกหุ้นกู้ หลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ คงจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ในการขออนุมัติจาก ก.ล.ต.และเราจะดูเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง"นายวิชา กล่าว
ที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ ยังมีการอนุมัติให้บริษัทขายหุ้นบริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด (MVD) ซึ่งเดิมชื่อ บริษัท แปซิฟิค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ให้ บมจ. เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (MPIC) ในรูปแบบการแลกหุ้น ทำให้ MAJOR เข้าถือหุ้นใน MPIC เพิ่มเป็น 67% จาก 40.8%
การรวมกันของทั้งบริษัทจะสนับสนุให้ธุรกิจของ MAJOR ในด้านภาพยนตร์ เนื่องจาก MVD เป็นผู้ผลิตแผ่น VCD และ DVD ขณะที่ MPIC เป็นผู้คัดเลือกภาพยนตร์ และได้ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เข้ามาบริหาร ซึ่งจะทำให้ MAJOR มีความแข็งแกร่งทั้ง Out Home Entertainment และ In home Entertainment และจะทำให้ต้นทุนของบริษัทปรับลดลง และยังเชื่อมั่นใจความสามารถในการบริหาร MPIC ของนายเผด็จ หงษ์ฟ้า ที่มีประสบการณ์จากสมัยที่อยู่ บมจ. ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (VCD) มาก่อน
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องรอผลการประชุมผู้ถือหุ้น MPIC ในวันที่ 30 เมษายนนี้ด้วยว่าจะอนุมัติแผนนี้หรือไม่