นายธีระวัฒน์ เนืองนอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้มีการปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจมาเป็นธุรกิจถ่านหิน จากธุรกิจเดิมที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับแอร์และเหล็ก คาดว่าบริษัทฯจะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจถ่านหินในช่วงไตรมาส 3/52-4/52
เนื่องจากในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีนี้ได้มีการชะลอการนำเข้าถ่านหิน เนื่องจากความล่าช้าในการก่อสร้างคลังเก็บถ่านหินที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งจะแล้วเสร็จในปลายเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะเสร็จในช่วงไตรมาส 1/52 จึงทำให้รายได้ของบริษัทฯช่วงไตรมาสแรกยังไม่ดีนัก
แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธุรกิจถ่านหินจะสามารถทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯพลิกฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งคงจะเห็นได้อย่างชัดเจนในปลายปีนี้ และคงจะเห็นผลประกอบการพลิกเป็นกำไรได้ในปี 53 จากปี 51 ที่บริษัทฯมีผลการดำเนินงานขาดทุน 121.96 ล้านบาท
"ผมเชื่อว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากธุรกิจถ่านหิน แต่ตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจทำให้ผมเริ่มกังวลอาจทำให้ลูกค้าลดการผลิต หรืออาจจะใช้น้อยลงก็ได้ ดังนั้นการที่จะลดความเสี่ยงได้คือการระมัดระวังตัวเอง และไม่มุ่งเน้นการเติบโตของรายได้จนเกินไป"นายธีระวัฒน์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCC กล่าวว่า ธุรกิจถ่านหินเชื่อว่าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯได้ในปีนี้ประมาณ 700-800 ล้านบาท ลดลงจากปี 51 ที่บริษัทฯมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท เนื่องจากในปีก่อนบริษัทฯยังรับรายได้จากธุรกิจเดิม อย่างไรก็ดี ภายใต้ภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจและราคาพลังงาน และคู่แข่ง ทำให้บริษัทฯมีความวิตกกังวลในส่วนรายได้ในปีนี้อยู่บ้างเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทฯยังมีความพร้อมที่จะเปิดรับพันธมิตรร่วมทุนในธุรกิจถ่านหิน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยแต่พอเจอปัญหาทางเศรษฐกิจ และความผันผวนของธุรกิจพลังงาน ทำให้การนำเข้าถ่านหินลดลงมาประมาณ 30% ดังนั้นเวลานี้ทางบริษัทฯจึงไม่เร่งรีบที่จะหาพันธมิตรร่วมทุน
กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCC กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนในบริษัทขนาดเล็กที่มีปัญหาด้านสภาพคล่องการเงิน แต่ยังเติบโตได้ดี ซึ่งการลงทุนนี้อาจจะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือนอกตลาดฯก็ได้ และหากบริษัทฯยังมีเม็ดเงินลงทุนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปลงทุน บริษัทฯก็อาจจะระดมทุนด้วยการเพิ่มทุนในอนาคตได้