บริษัทเตรียมการรับมือสถานการณ์ในปัจจุบัน ด้วยการหันไปรับงานบริหารโรงแรมในต่างประเทศมากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าปีนี้จะเข้าบริหารโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ 10 แห่ง ซึ่งขณะเซ็นสัญญาไปแล้ว 3 แห่ง และกำลังเจรจาอยู่อีก 3-4 ดีล
"เรากะว่าจะเซ็นรับบริหารในปีนี้ 10 โรงแรม เพราะตอนนี้เซ็นไปแล้ว 3 แห่ง ก็คิดว่าจะเซ็นอีกซัก 7 โรงแรม ภายในปีนี้น่าจะได้ มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ นี่เป็นแผนหลักๆ ที่เราเตรียมไว้รับมือ ถ้าเรารับบริหารเราจะได้ค่า Management Fee ต้นทุนก็ไม่มี"นายรณชิต กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายรณชิต คาดการณ์ว่า ในปี 52 บริษัทจะมีรายได้จากการบริหารจัดการเพิ่มขึ้นเป็น 40-50 ล้านบาท จาก 20-30 ล้านบาทในปี 51 แต่ต่อไปมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการรับบริหารโรงแรมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
*ปรับลดเป้ารายได้เหลือโต 6-7% จากเดิมคาดไว้ 10%
นายรณชิต กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการหลังเกิดความวุ่นวายของสถานการณ์การเมืองว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าเติบโตของรายได้ปีนี้ ลงเหลือโต 6-7% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 10% แม้จะมีแนวโน้มว่ารายได้ในไตรมาส 1/52 น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/51 เนื่องจากโรงแรมเซ็นทาร่า แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการเต็มที่แล้ว
ไตรมาส 1/52 รายได้คงจะเท่ากับปีช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะรายได้ของโรงแรมปัจจุบันที่มีอยู่(ไม่รวมเซ็นทาร่า แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์)และอัตราการเข้าพักลดลงตามภาวะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และการเมืองไทย แต่ยังมีรายได้ของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ เข้ามาช่วย
ส่วนไตรมาส 2/52 ซึ่งเป็นช่วง Low Season อยู่แล้ว อย่างดีก็น่าจะได้เท่ากับไตรมาส 2/51 แต่หากนักท่องเที่ยวตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ก็อาจจะแย่กว่า คงต้องรอดูผลกระทบจากการชุมนุมปิดถนนและการที่หลายประเทศประกาศเตือนการมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ยังหวังว่าปลายปีน่าจะได้เห็นแนวโน้มธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว จากประสบการณ์ที่มีไม่ว่าช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส คลื่นยักษ์สึนามิ ก็จะมีผลกระทบต่อเนื่องไม่เกิน 6-9 เดือน หลังจากนั้นยอดจองที่มาเที่ยวในเมืองไทยก็กลับมาเป็นปกติ ดังนั้น ช่วงปลายปีนี้น่าจะได้เห็น High season
"ทั้งปีหากโตได้ 6-7% ก็เก่งแล้ว ก็หวังไตรมาส 4 ที่เป็น High Season อีกครั้งของธุรกิจโรงแรม"นายรณชิต กล่าว
นายรณชิต กล่าวว่า ปัจจุบันอัตราการเข้าพักของทั้งกลุ่มอยู่ที่เกือบๆ 70% ถือว่ายังไม่ค่อยแตกต่างจากปกติ ตรงกันข้ามช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ถือว่าดีกว่าปีที่แล้ว ขณะที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ลาดพร้าว มีแผนทยอยปิดบางส่วนเพื่อซ่อมแซมใหญ่อยู่แล้ว หลังจากได้รับการต่อสัญญา เป็นช่วงประจวบเหมาะพอดีที่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้น
"ถ้าเทียบกับสงกรานต์ปีที่แล้วอัตราการเข้าพักน้อยกว่าปีนี้ ประมาณ 60% แต่ปีนี้กลับคึกคัก อย่างที่สมุยตอนนี้อัตราการเข้าพักอยู่ที่ 80% ภูเก็ต 90% นอกนั้นก็ 60-70% ผมว่าถ้าไม่เกิดเรื่องน่าจะมาเยอะกว่านี้...ผมว่าเดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวหันกลับมาเที่ยวช่วง Low Season ได้ Rate ถูก เพราะถ้ามาเที่ยวช่วง High Season ราคาสูงขึ้นเป็น 2 เท่า"นายรณชิต กล่าว
ส่วนแผนเปิดโรงแรมใหม่หลังจากนี้ คือ เซ็นทาร่า แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา จำนวน 555 ห้อง จะเปิดให้บริการได้ในเดือน ส.ค.52 โรงแรมที่มัลดีฟที่บริษัทไปร่วมลงทุน 25% เปิดปลายปีนี้ และยังเป็นไปตามแผนเดิม