ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) หลังจากที่มีการรายงานตัวเลขยอดขายปลีกเดือนมี.ค.ที่อ่อนตัวลงส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานตัวเลขราคาขายส่งเดือนมี.ค.ที่ตกลง 1.2% ด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดอ่อนตัวลง 137.63 จุด หรือ 1.7% แตะที่ 7,920.18 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 17.23 จุด หรือ 2% แตะที่ 841.50 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 27.59 จุด หรือ 1.7% แตะ 1,625.72 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายปลีกเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.1% ซึ่งเป็นสถิติที่อ่อนตัวลงมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักลงทุนจับตาแนวโน้มของตัวเลขยอดขายปลีกเพื่อใช้เป็นมาตรวัดการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขราคาขายส่งเดือนมี.ค.ว่า ร่วงลง 1.2% ขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิง อาหารร่วงลงอย่างหนัก ราคาที่ร่วงลงนี้จุดกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคและธุรกิจประเภทต่างๆที่อาจจะชะลอการใช้จ่ายของตนเองลง
ฌอน ซิมโก หัวหน้าฝ่ายบริหารรายได้ของ SEI Investments กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า เรายังไม่หลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตลาดมีปฏิกริยากับข้อมูลเหล่านี้เร็ว
โกลด์แมน แซคส์ ได้รายงานตัวเลขผลประกอบการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาที่ร่วงลง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และยังวางแผนที่จะระดมทุน 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อนำมาชำระหนี้ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับรัฐบาล
หุ้นโกลด์แมน ร่วง 12% หลังจากที่มีการตั้งราคาเสนอขายหุ้นที่ 123 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวันจันทร์ถึง 5.5%
หุ้นไฟแนนซ์อื่นๆปรับตัวลงเช่นกัน หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วง 8.9% ส่วนหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ตกลง 12%
นอกจากนี้ หุ้นอินเทลยังเป็นหุ้นอีกตัวที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความอ่อนไหวในตลาด หุ้นอินเทลร่วง 4.6% หลังจากที่ได้รายงานตัวเลขผลประกอบการที่อ่อนตัวลง