ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากราคาโลหะพื้นฐานและพลังงงานปรับตัวลดลง โดยดัชนี FTSE 100 ปิดลบแม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 100 จุดก็ตาม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 20.59 จุด สู่ 3,968.40 หลังจาก เคลื่อนตัวในช่วง 3,941.61-4,023.35 จุด
นักลงทุนเทขายหุ้นผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากทางการจีนเปิดเผยว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนดิ่งลงสู่สถิติต่ำสุดในช่วงไตรมาสแรก โดยหุ้นริโอ ตินโตซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอะลูมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกร่วงลง 5.2% ขณะที่หุ้นเอ็กซ์สตราตาปิดลบ 3.1% หุ้นเวแดนตา รีซอร์สเซส ปิดร่วง 4.5% หุ้นคาซัคมิสปิดบวก 5.5% หุ้นบีเอชพี บิลลิตันปิดพุ่ง 6.2% และหุ้นแองโกล อเมริกันดิ่งลง 7.5%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นบีพีปิดลบ 1.5% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ปิดร่วง 2.5% และหุ้นทุลโลว์ ออยล์ร่วงลง 5.2%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงด้วยเช่นกัน หลังจากธนาคารยูบีเอสรายงานตัวเลขขาดทุนรายไตรมาสสูงถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์ และประกาศปลดพนักงานหลายพันตำแหน่ง โดยหุ้นธนาคาร HSBC ปิดร่วง 1.5% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ปิดลบ 1.3% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดปิดร่วง 1.5%
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIERS) เปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษในไตรมาสแรกปีนี้ หดตัวลง 1.5% ซึ่งเป็นสถิติที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี หรือนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2522 ที่นางมาร์กาเร็ต แทธเชอร์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษ
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษเดือนมี.ค.ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีและอัตราว่างงานพุ่งขึ้นรวดเร็วสุดในรอบ 30 ปี ซึ่งผลักดันให้นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเร่งใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งสมัยหน้า