นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บมจ. ยานภัณฑ์(YNP) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงในรายละเอียดการขาย บริษัท วาย เอส ภัณฑ์ ให้ กับบริษัท ซังโกะ(ประเทศญี่ปุ่น) จำกัด ซึ่งตอนนี้ในหลักการก็สรุปได้หลายประเด็นแล้ว คาดว่าการเจรจาจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หากทางญี่ปุ่นไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรอีก และเม็ดเงินจากการขายก็คาดว่าจะเข้ามาในบริษัทฯได้ในช่วงไตรมาส 2/52 เป็นอย่างเร็ว
"ความคืบหน้าตอนนี้ในหลักการก็สรุปไปได้หลายประเด็นแล้ว คาดว่าน่าจะจบภายใน 1 เดือนก็ไม่น่าจะเกินเดือนพฤษภาคมนี้ ราคาที่เสนอขายแน่นอนต้องสูงกว่าที่เราลงทุนไป ส่วนเม็ดเงินเราก็ขอให้เข้ามาเร็วที่สุด ก็ประมาณช่วงไตรมาส 2/52 แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางเขาด้วย"นายวิชัย กล่าว
สำหรับกระแสข่าวเรื่องที่มีนักลงทุนรายใหญ่ได้ขอซื้อเศษหุ้น โดยให้ราคาเสนอซื้อที่ 1 บาท/หุ้น นั้น ประธานกรรมการ YNP กล่าวว่า นักลงทุนระยะยาวก็เป็นไปได้ที่จะเข้ามาลงทุนหุ้น YNP เพราะทางเราก็พยายามจะแนะนำพวกที่เงินเย็นให้เข้ามาลงทุน แต่พวกที่ลงทุนระยะสั้นหรือพวกที่มีเงินหมุนก็ไม่ควรจะเข้ามา
"เรามักจะแนะนำนักลงทุนที่โทรศัพท์มาถามกัน พวกที่มีเงินเย็น...ให้"ซื้อ"ได้เลย แต่พวกที่มีเงินหมุนนะ...ไม่แนะนำ"ประธานกรรมการ YNP กล่าว
นายวิชัย กล่าวต่อว่า แม้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะคลี่คลายลงแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มั่นใจเรื่องการเมืองเท่าไรนัก และเศรษฐกิจโลกก็ยังผันผวนอยู่มาก และไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาพูดถึงน้อยไปหน่อย เพราะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเข้ามาแทรก จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
นายพริษฐ์ พันธ์พาณิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ YNP กล่าวกับ “อินโฟเควสท์" ว่า รายได้ในปี 52 คงลดลงจากปีก่อนประมาณ 20% ซึ่งถือว่าลดลงที่น้อยกว่าที่เคยคาดไว้ เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะที่เห็นได้จากยอดขายในงานมอเตอร์โชว์ล่าสุดมียอดสั่งจองรถยนต์เป็นจำนวน กว่า 1.5 หมื่นคัน ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้ผลิตรถยนต์และส่งผลดีต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ด้วย รวมทั้งจากตลาดต่างประเทศแม้ว่ายอดซื้อรถยนต์จะปรับลดลงบ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ บริษัทคาดว่าตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 2/52 จะเริ่มกลับมาดีอีกครั้ง แม้ว่าในไตรมาส 1/52 จะยอมรับว่ารายได้ของบริษัทจะต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1.58 พันล้านบาทค่อนข้างมาก แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจไม่ได้เลวร้ายมากนัก “ออเดอร์รถยนต์ยังถือว่าดีโดยเฉพาะในประเทศ ส่วนออเดอร์รถยนต์ในต่างประเทศก็ไม่ได้ลดลงรุนแรงอย่างที่คิด ปีนี้จึงหวังว่ารายได้จะลดลงกว่า 20% แต่คงไม่ถึง 30% ยังถือว่าดีกว่าสถานการณ์ช่วงแรกที่ประเมินไว้ เชื่อว่าไตรมาส2/52 จะเริ่มกลับมาดีแล้ว ส่งผลให้ทั้งปีไม่เลวร้าย"นายพริษฐ์ กล่าว