นายแอริค มาร์ค เลอวีน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนซ์ (CAWOW) เปิดเผยว่า รายได้ในปี 52 คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากปี 51 ที่มีรายได้รวม 1,761.89 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้การหาลูกค้าหรือสมาชิกใหม่ในการเข้ามาใช้บริการยากขึ้น จากปัจจุบันที่มีลูกค้าที่ 1.5 แสนราย และเชื่อว่ารายได้ในไตรมาส 2 คงจะลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 1 จากผลกระทบดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพยายามเพิ่มรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ภายใต้สถานการณ์ที่คาดว่ากระเตื้องขึ้นได้ นอกจากนี้บริษัทมีแผนเพิ่มรายได้นอกเหนือจากรายได้หลัก ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากโยคะ และรายได้จาการให้บริการสปา ที่บริษัทเพิ่งเปิดดำเนินการสาขาที่สีลมมาๆได้ 1 เดือน ใช้เงินลงทุน 35 ล้านบาท เงินลงทุนมาจากกระแสเงินสด และคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจสปา 24 ล้านบาท คืนทุนภายใน 2 ปี ซึ่งรายได้จากธุรกิจที่เพิ่มจะเป็นการลดความเสี่ยงจากธุรกิจเดิมด้วย
นายแอริค กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้ลดลง เพราะฉะนั้นจะไม่เห็นการเปิดสาขาใหม่ในปีนี้เลย จากปัจจุบันที่มีกว่า 10 สาขา แต่จะเป็นการรอรับผลจากที่ได้มีการลงทุนไป ซึ่งน่าจะทำให้บริษัทเริ่มสามารถมีกำไรได้ในต้นปี 53 และจะสามารถล้างขาดทุนสะสม 167 ล้านบาท ได้หมดภายในสิ้นปี 53
"ในปีนี้ ผมพยายามจะปรับปรุงแคลิฟอร์เนียให้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นการให้บริการและการเพิ่มรายรับเพื่อชดเชยยอดสมาชิกในช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการเข้ามาใช้บริการลดลง และการที่ไม่เปิดสาขาใหม่ก็จะทำให้เราไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ตอนนี้ ขณะที่แผนเปิดสาขาที่พระราม 2 ในปีนี้คงจะชะลอออกไปก่อน เนื่องจากไม่สามารถตกลงเรื่องอายุสัญญาได้"นายแอริค กล่าว
*"วิชา"ยันไม่คิดขายทิ้ง CAWOW
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ CAWOW เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการหารือกับผู้บริหาร CAWOW เพื่อปรับกลยุทธ์การบริหารงาน หลังจากพบว่า ผู้มาใช้บริการมีการชะลอโดยได้มีการพยายามหารายได้จากทางอื่นเข้ามามากขึ้น รวมทั้งมีแนวคิดจะนำดารรานักแสดงมาผู้ฝึกสอนเพื่อดึงดูดความสนใจผู้มาใช้บริการมากขึ้น
"ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาแบรนด์แคลิฟอร์เนียไม่ค่อยดี เราจึงจำเป็นที่ต้องปรับกลยุทธ์ และผมขอยืนยันอีกทีว่าไม่มีแผนจะขาย CAWOW แน่นอน เพราะจะเห็นได้ว่ามีเมเจอร์ที่ไหนก็มีแคลิฟอร์เนียที่นั่น"นายวิชา กล่าว
ส่วนแผนหาพันธมิตรของ CAWOW ตอนนี้ยังไม่อยากพูดถึงเนื่องจาก CAWOW อยู่ในช่วงปรับการบริหารงาน เพราะที่ผ่านมาให้ความสำคัญในการลดค่าใช้จ่ายมากเกินไป
นายวิชา กล่าวต่อถึงธุรกิจของ MAJOR ในช่วงต้นเดือนเมษายน 52 (1-15 เม.ย.) รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจภาพยนตร์ ทั้งๆ ที่มีสถานการณ์การเมืองเข้ามากระทบ ประกอบกับในช่วงนี้จะเริ่มมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้าฉายหลายเรื่อง รวมถึงตำนานนเรศวรด้วย จึงทำให้เชื่อมั่นว่า ธุกริจภาพยนตร์ยังเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ทำให้เชื่อว่ารายได้ของ MAJOR ในปีนี้ยังเติบโตกว่าปีก่อนแน่นอน และยังมีจำนวนโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น จากการเปิดสาขาใหม่ที่รัตนาธิเบศร์และศรีนครินทร์ ขณะที่รายได้จากธุรกิจโบว์ลิ่งก็มีอัตราเติบโตเช่นเดียวกัน