SCB เผย Q1/52 มีกำไรสุทธิ 5.5 พันลบ. ลดลง 18.3% จาก Q1/51

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 20, 2009 17:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของธนาคาร มีกำไรสุทธิ Q1/52 จำนวน 5,547 ล้านบาท ลดลงจากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.3% เป็นผลจากการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร ที่ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารลดลงจาก 3.8% ใน Q4/51 เหลือ 3.6% ใน Q1/52 และมีผลให้อัตราผลตอบแทนที่ธนาคารได้รับจากดอกเบี้ยระหว่างธนาคารลดลงจาก 3.8% ในQ 1/51 เป็น 3.2% ใน Q4/51 และเหลือ 1.7% ใน Q1/52

ส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ปรับลดลงจาก 5.1% % (50,067 ล้านบาท) ณ สิ้นปี 2551 มาอยู่ที่ 4.6% (49,926 ล้านบาท) ในไตรมาส 1/2552

พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ตามหลักเกณฑ์ BASELII ที่เพิ่มสูงขึ้น จากระดับ 15.2% ณ สิ้นปี 51 มาอยู่ที่ 15.6% ใน Q1/52

"ปี 52 เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับทุกธุรกิจรวมถึงธนาคารพาณิชย์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้ แต่ธนาคารมองเห็นโอกาสในวิกฤติ เข้าสนับสนุนลูกค้าที่มีศักยภาพฝ่าฟันความท้าทายนี้ รวมถึงเตรียมความพร้อมของลูกค้าเพื่อรองรับการพลิกฟื้นของเศรษฐกิจเมื่อมรสุมนี้พัดผ่านไป ธนาคารไม่เพียงแต่ต้องการรอดพ้นวิกฤตินี้ แต่ยังมุ่งมั่นที่จะเติบโตและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อให้บรรลุพันธกิจที่จะเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินครบวงจรที่ดีที่สุด" ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารได้วางยุทธศาสตร์รับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพื่อผลักดันให้ผลประกอบการของธนาคาร ใน Q1/52 เป็นที่น่าพอใจ ด้วยนโยบายควบคุมและบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารปรับลดระดับค่าใช้จ่ายลงมาที่ 8,121 ล้านบาท ใกล้เคียง Q1/51 และลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่าย 9,455 ล้านบาท ใน Q4/51

ธนาคารยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจลูกค้าบุคคล มุ่งดำเนินงานในโครงการสำคัญๆ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและมีความพร้อมในการขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ พร้อมพัฒนาการจัดการติดตามหนี้เก่าที่มีปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและใช้เกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อใหม่อย่างรอบคอบระมัดระวัง

ด้านนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า แม้จะยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดของสภาวะวิกฤตินี้ แต่ผลประกอบการของธนาคารแสดงให้เห็นว่า ยุทธศาสตร์ที่ธนาคารวางไว้มีความเหมาะสม และธนาคารสามารถปรับตัวเพื่อรองรับความผันแปรของสถานการณ์และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ และธนาคารยิ่งเล็งเห็นถึงความสำคัญของการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคาร ทั้งมองเห็นโอกาสในการสร้างส่วนแบ่งทางการตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน บริหารควบคุมค่าใช้จ่ายในระดับที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการทำกำไรให้ดียิ่งขึ้น และสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับธุรกิจของธนาคารได้มากขึ้นด้วย



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ