ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกปัญหาภาคธนาคาร ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 289.60 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 21, 2009 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการธนาคารของสหรัฐ หลังจากโกลด์แมน แซคส์ระบุว่าการขาดทุนด้านสินเชื่อของธนาคารในสหรัฐยังคงขยายตัวในอัตราที่รวดเร็ว และข่าวที่ว่าแบงค์ ออฟ อเมริกัน ต้อใช้เงินทุนมูลค่า 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อชดเชยตัวเลขขาดทุนจากรปล่อยกู้ แม้ธนาคารยืนยันว่ามีกำไรในไตรมาสแรกของปีนี้ก็ตาม

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 289.60 จุด หรือ 3.56% แตะที่ 7,841.73 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 37.21 จุด หรือ 4.28% แตะที่ 832.39 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 64.86 จุด หรือ 3.88% แตะ 1,608.21 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.76 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 9 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 3.08 พันล้านหุ้น

โจว ซาลุสซี นักวิเคราะห์จาก Themis Trading LLC กล่าวว่า หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่าการขาดทุนด้านสินเชื่อของธนาคารในสหรัฐยังคงขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วและคาดว่าจะซิตี้กรุ๊ปจะขาดทุนไตรมาสแรก 38 เซนต์/หุ้น

"ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อแบงค์ ออฟ อเมริกัน เปิดเผยว่าธนาคารต้องจัดสรรเงินมูลค่า 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์ไว้สำหรับชดเชยตัวเลขขาดทุนจากรปล่อยกู้ แม้แบงก์ ออฟ อเมริกายืนยันว่าธนาคารมีกำไรสุทธิ 4.24 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสามเดือนแรกปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าเมื่อเทียบกับจำนวน 1.21 พันล้านดอลลาร์ หรือ 23 เซนต์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน" ซาลุสซีกล่าว

บทวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ บดบังปัจจัยบวกที่ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ในสหรัฐรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมถึงธนาคารเวลส์ ฟารโกที่มีกำไรสุทธิไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งขึ้น 50% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราว 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 2 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้านี้ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ถึง 2 เท่า และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐในแง่สินทรัพย์ รายงานว่าธนาคารมีกำไร 2.14 พันล้านดอลลาร์ หรือ 40 เซนต์ต่อหุ้น ลดลง 10% จากระดับ 2.37 พันล้านดอลลาร์ หรือ 68 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 32 เซนต์

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐร่วงลง 0.3% ในเดือนมี.ค. โดยร่วงลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และรุนแรงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะลดลงเพียง 0.2%

State Street Global Advisors ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบอสตันของสหรัฐ คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มทรงตัวเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยยาวนานส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในภาคเอกชน โดยผลประกอบการของบริษัทที่นำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหุ้นนิวยอร์กและคำนวนในดัชนี S&P 500 ร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 6 ไตรมาส และคาดว่าจะร่วงลงต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3 ปีนี้

ทั้งนี้ ดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 15.4% โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 24.3% และหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 19% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลง 10.7%



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ