น.ส.โสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาดและงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า ผู้บริหาร ตลท.จะร่วมคณะเดินทางกับรมช.คลัง และบริษัทจดทะเบียน เพื่อออกโรดโชว์ช่วงวันที่ 18-22 พ.ค.ที่กรุงลอนดอน ในอังกฤษ, เมืองนิวยอร์กและบอสตันในสหรัฐอเมริกา โดยจะมีการเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ไปชี้แจงกับผู้จัดการกองทุน 40-50 ราย ที่มีมูลค่าการบริหารกองทุนรวมกันถึง 15 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
"เราจะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น ...เท่าที่ทราบ ทางรมว.คลังจะเดินทางไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ภาครัฐมและเอกชนร่วมกีนทำงาน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา"น.ส.โสภาวดี กล่าวผ่านรายการวิทยุเช้านี้
ทั้งนี้ ในการเดินทางไปโรดโชว์ครั้งนี้จะมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลังจะเป็นผุ้นำไปโรดโชว์ พร้อมกับนายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลท.
น.ส.โสภาวดี กล่าวว่า ประเด็นที่จะหยิบยกมาชี้แจงข้อมูลให้กับนักลงทุน ได้แก่ มาตรการของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งคาดว่านักลงทุนต่างปประเทศจะให้ความสนใจประเด็นเศรษฐกิจ และอาจจะมีประเด็นการเมืองที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วย
"โดยสภาพปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้ เราไม่ได้เป็นต้นตอเหมือนปี 40 ดูแล้วฐานะของสถาบันการเงินของไทยก็ยังดีกว่าเมื่อเทียบกับในต่างประเทศ และช่วงนี้อัตราดอกเบี้ยก็ต่ำ และจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เราก็ยังพบว่ายังมีผลการดำเนินการที่ดีและสามารถฝ่าฟันวิกฤติเศรษฐกิจนี้ไปได้ เช่น กลุ่มแบงก์ พลังงาน ซึ่งยังให้ผลตอบแทนสูง" นส.โสภาวดี กล่าว
ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยยังอยู่ในระดับต่ำและมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น น่าจะมีความเสี่ยงด้านขาลงค่อนข้างน้อยแล้ว และโอกาสสร้างผลตอบแทนในช่วงหุ้นขาขึ้นน่าจะมีด้วย ก็อยากให้มองว่าหุ้นไทยก็ยังจุดดี โดยพื้นฐานกัยังมีความน่าสนใจอยู่ อาจจะเป็นเรื่องจังหวะเวลามากกว่า หรือหากราคาหุ้นตัวใด ปรับลงมาในระดับที่เหมาะสม รวมถึงหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดี ในช่วงนี้ก็ยังพอเข้าลงทุนได้
ส่วนความเสี่ยงทางด้านการเมือง เชื่อว่าตัวแทนทางรัฐบาลจะเป็นผู้ตอบคำถามกับนักลงทุน เพื่อให้นักลงทุนต่างประเทศมีความเชื่อมั่นเกิดขึ้นในระยะยาวด้วย
"ถ้าเราทำการเมืองให้นิ่งได้ น่าจะทำให้เศรษฐกิจของเราฟื้นตัวได้เร็ว "รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ กล่าว
โดยภาพรวมในตลาดหุ้นเกิดใหม่ คิดว่าตลาดหุ้นไทยยังดีกว่าหรือสามารถแข่งขันได้ หรือในเอเชีย เช่น สิงคโปร์ มีภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดเกิดใหม่น่าจะเร็วกว่า