นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณของบริษัทจดทะเบียนที่มีปัญหาขาดสภาพคล่อง เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่มีการปรับตัว และหากดูอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับเท่า 1.1 เท่า จึงเชื่อมั่นว่า บริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในสุถานการณ์ทีดี
ส่วนผลกระทบของผลประกอบการของไตรมาส 2/52 ของบริษัทจดทะเบียน นางภัทรียา กล่าวว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัว คงไม่สามารถที่จะดูจากปัจจัยดังกล่าวได้อย่างเดียว เพราะจะต้องพิจารณาถึงปัจจัยภายนอกด้วย เพราะบริษัทส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการส่งออก
แต่หากสภานการณ์ต่างประเทศดีขึ้นก็เขื่อว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทจดทะเบียนด้วย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภานรการณ์การเมืองในประเทศด้วย
ส่วนการปรับเป้าบริษัทจดทะเบียนใหม่ คงจะต้อง รอการประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัยพ์ที่จะมีการหารือกันในช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เชื่อว่า ปริมาณการซื้อขายหรือวอลุ่มตลาดจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการซื้อขายที่เริ่มกลับมาหนาแน่นเฉลี่ยววันละ 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมาจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มคลี่คลาย โดยมีนักวิเคราะห์ออกมาพูดเรื่องนี้และดัชนีตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น จากปัจจัยดึงกล่าวส่งผลดีต่อเนื่องในตลาดภูมิภาคให้ปรับตัวดีขึ้นด้วย ประกอบกับปัจจัยการเมืองในประเทศมีการแก้ไขในระดับที่น่าพอใจ
อนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 16 -20 เม.ย.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าการซื้อขาย 2 หมื่นล้านบาทขึ้นไป