DCC เผยยอดขาย Q1/52 เข้าไฮซีซั่น อัดโปรฯลดแลกแจกแถมดันทุกไตรมาสตามเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 21, 2009 14:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนะ สุทธิหวังเจริญ กรรมการ บมจ.ไดนาสตี้เซรามิค(DCC)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ยอดขายไตรมาส 1/52 เป็นช่วงไฮซีซั่นของปีนี้อย่างที่เคยเป็นมา และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทรุดตัว เนื่องจากกลยุทธการเพิ่มจุดขายในลักษณะตลาดนัด

ขณะที่ช่วงที่เหลือของปียังมีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมและลุ้นโชคชิงรางวัลในโอกาสฉลองครบรอบ 11 ปีของบริษัท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายทุกไตรมาสที่จะดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งการขยายตลาดส่งออก จึงเชื่อว่ายอดขายในปีนี้จะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มียอดขายกว่า 5 พันล้านบาทได้แน่นอน และกำไรขั้นต้นยังปรับตัวดีขึ้นจากผลราคาน้ำมันลดลง

"ไตรมาส 1/52 ยอดขายยังดีไม่ได้ผลกระบจากอะไรเลย ภาวะปกติเราก็ดีปกติ แต่ยิ่งภาวะวิกฤตยิ่งดีใหญ่ เนื่องจากสินค้าของเรามีกลยุทธอยู่ตลอดเวลา เราเพิ่มตลาดนัดตลอดปีนี้จะเพิ่มอีก 5-10 แห่ง ไตรมาส 2 ก็น่าจะดีขึ้น คิดว่าปีนี้ทั้งปีน่าจะดีกว่าปีที่แล้วทั้งปี ทุกไตรมาสน่าจะดีกว่า"นายชนะ กล่าว

โดยปกติของทุกปียอดขายในไตรมาส 1 จะเป็นช่วงสูงสุดของปี จากนั้นไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ก็จะลดลงเพราะเข้าหน้าฝน ขณะที่ไตรมาส 4 ยอดขายจะกระเตื้องขึ้น และกลับมาไตรมาส 1 ก็จะดีที่สุดเป็นฤดูกาล ซึ่งในช่วง 3-4 เดือนแรกของปีนี้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายทั้งหมด

สำหรับโปรโมชั่นลุ้นชิงโชคนั้นมีรางวัลแจกรถยนต์เกือบทุกเดือนตลอดปีจนถึงปีหน้า โดยจะมีการแจกรถยนต์สลับกันระหว่างโตโยต้ากับฮอนด้าทุกเดือนเดือนละ 1 คัน รวมทั้งรถจักรยานยนต์เดือนละ 11 คัน เครื่องไฟฟ้าต่างๆอีกมาก มูลค่ารวมเดือนละเกือบ 2 ล้านบาท

นายชนะ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าว่าสัดส่วนการส่งออกน่าจะเพิ่มเป็นประมาณ 4-5% จากที่ผ่านมาส่งน้อยแค่ 1-2% ตลาดส่งออกหลักยังอยู่ในเอเชียเป็นหลัก โดยเฉพาะประเทศใกล้เคียง

"ที่ผ่านมาส่งออกน้อย 1-2% ปีนี้เพิ่มอีก 3-4% น่าจะเพิ่มได้ เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ถือว่าเยอะ ส่วนกำลังการผลิตปีนี้จะผลิตเต็มที่เดือนละ 4 ล้านตร.เมตร หรือปีละ 48 ล้านตร.เมตร จากที่ผ่านมายังผลิตไม่เต็มที่"นายชนะ กล่าว

ส่วนสินค้าจากกระเบื้องปูพื้นและฝาหนังจากจีน บริษัทไม่ถือว่าเป็นคู่แข่ง เพราะเป็นสินค้าคนละประเภท โดยโรงงานในประเทศจีนจะผลิตกระเบื้องพวกแกรนิตไซส์ใหญ่ที่จะใช้ตามโครงการขนาดใหญ่ อย่างโรงแรมหรือศูนย์การค้า ซึ่งเป็นตลาดระดับบน แต่สินค้ากระเบื้องของบริษัทจะเป็นตลาดกลาง ซึ่งมีตลาดล่างเป็นหลัก โดยเฉพาะบ้านพักอาศัย รีสอร์ท อพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม

"โรงงานอื่นเราไม่ทราบแต่สำหรับโรงงานของขายดีขึ้นสวนกระแส ไม่มีอุปสรรคอะไร ขนาดภาวะเศรษฐกิจทั่วไปไม่ดี การเมืองไม่ดี เรายังดี ถ้าภาวะเศรษฐกิจดี การเมืองดี คืดว่ายอดขายน่าจะไปได้กว่านี้...ขนาดการเมืองเราก็ยังไม่นิ่งและเกิดวิกฤต หน่วยงานใหม่ๆ ท่องเที่ยวตกหมดแล้ว แต่ DCC อยู่ในวิกฤตเรากลับดีขึ้นเพราะเรามีการวางแผน ขยายกลุ่มลูกค้า ถ้าวิกฤตดีขึ้นมา ทำไม่ทันขายแน่"นายชนะ กล่าว

บริษัทยังได้รับผลบวกจากการปรับลดลงของราคาน้ำมันและแก๊สที่เป็นต้นทุนสำคัญ หากยังทรงตัวในระดับนี้ต่อไปก็จะทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เชื่อว่ากำไรขั้นต้นไม่น่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 38-39% และมีโอกาสที่กำไรสุทธิจะเติบโตจากปีก่อนสูงกว่า 10%

ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เงินกู้ลดลง จากการนำกำไรที่ดีขึ้นไปใช้คืนหนี้ทำให้เงินสดเรามากขึ้น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ต่ำกว่า 0.78 เท่า ณ 31 ธ.ค.51

"ตอนนี้ D/E ต่ำมาก หนี้สินต่อทุนลดลงตามลำดับมาเลยทุกไตรมาส เพราะคืนหนี้ไปเยอะ จึงเชื่อว่าปีนี้ทั้งยอดขายและกำไรต้องดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน หรือกำไรอาจจะโตดีกว่ายอดขายที่โต 10% ด้วยซ้ำ เพราะนี่ขนาดวิกฤตอย่างนี้ ถ้าต่อไปการเมืองเริ่มดีขึ้นเรื่องของการยกเลิกพ.ร.ก. มีการท่องเที่ยวเข้ามา มีการก่อสร้างมีการลงทุน การใช้กระเบื้องต้องเพิ่มขึ้น ขนาดเจอวิกฤตอย่างนี้ยังดีขนาดนี้ถ้าวิกฤตหายไปหรือบรรเทาลง คงจะต้องเพิ่มกำลังการผลิต"นายชนะ กล่าว

สำหรับการลงทุนใหม่นั้นคงต้องรอดูเหตุการณ์อีกระยะหนึ่งจนกว่าเราผลิตแล้วไม่พอขาย เช่นหากปีนี้ยอดขายยังเป็นไปตามเป้าหมาย การผลิตเต็มที่แล้วยังไม่พอขาย ก็ค่อยมาพิจารณากันใหม่

"เศรษฐกิจแบบนี้ไม่มีปัญหาสำหรับ DCC เพราะเรามีความเตรียมพร้อม ผู้ถือหุ้นก็จะได้เงินปันผลเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้โดยภาพรวมจริงๆน่าจะตกลง แต่ลงทุนใน DCC กลับได้เพิ่มขึ้น เพราะเหนือสิ่งอื่นใดของการลงทุนก็คือต้องการผลตอบแทน" นายชนะกล่าว

นายชนะ กล่าวว่า ผู้ที่เข้ามาถือหุ้น DCC มักไม่ปล่อยหุ้นในมือออกขาย ยิ่งขณะนี้ดอกเบี้ยต่ำทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น DCC อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเงินปันผลที่จะรับทุกไตรมาส โดยปี 51 จ่ายเงินปันผลรวม 1.25 บาท/หุ้น ซึ่งในงวดปี 52 คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นตามกำไรที่มากขึ้น

ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ผู้บริหารของบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2552 จะโตอีก 10% เป็น 5,600 ล้านบาท หลังปีก่อนเติบโตสูงถึง 14% สวนภาวะเศรษฐกิจรวม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ