ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) หลังจากทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐประเมินว่าธนาคารส่วนใหญ่มีทุนสำรองเพียงพอที่จะรับมือกับการขาดทุน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 127.83 จุด หรือ 1.63% แตะที่ 7,969.56 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 17.69 จุด หรือ 2.13% แตะที่ 850.08 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 35.64 จุด หรือ 2.22% แตะที่ 1,643.85 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.67 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2,409 ต่อ 634 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.45 พันล้านหุ้น
จอห์น นิโคล นักวิเคราะห์จาก Federated Investors กล่าวว่า นักลงทุนแห่เข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารที่ได้รับแรงซื้อหนาแน่นที่สุด หลังจากทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งสภาคองเกรสเมื่อคืนนี้ว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีทุนสำรองเพียงพอที่จะปกป้องการขาดทุนได้ และธนาคารบางแห่งมีศักยภาพสูงพอที่จะจ่ายเงินต้นคืนให้กับรัฐบาล
"การแสดงความคิดเห็นของไกธ์เนอร์ช่วยผ่อนคลายกระแสความวิตกกังวลในตลาด หลังจากดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์เมื่อแบงค์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่าจำนวนลูกค้าที่ผิดนัดชำระหนี้พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารต้องตั้งบัญชีสำรองหนี้สูญมูลค่า 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังช่วยให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นไม่ว่าผลการตรวจสอบความสามารถในการรักษาฐานะทางการเงิน (stress test) ของ 19 ธนาคารพาณิชย์ในเดือนหน้าจะออกมาเป็นเช่นไรก็ตาม" นิโคลกล่าว
กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังดำเนินการตรวจสอบ stress tes ของ 19 ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ภายในประเทศ เพื่อประเมินว่าสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีเงินทุนเพียงพอที่จะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ โดยสถาบันการเงินเหล่านี้รวมถึง ซิตี้กรุ๊ป, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส, แบงค์ ออฟ อเมริกา, โกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, มอร์แกน สแตนลีย์ และธนาคารเวลล์ส ฟาร์โก ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเปิดเผยผลการตรวจสอบ stress test ในวันที่ 4 พ.ค.นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับนายโดนัลด์ โคห์น รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มมีเสถียรภาพในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และจากนั้นจะเริ่มดีดตัวขึ้นหลังจากตลาดการเงินซึ่งตกอยู่ในภาวะเปราะบางมาโดยตลอดนั้น แข็งแรงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดเชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ระยะแรกของการฟื้นตัว หลังจากเฟดอัดฉีดเม็ดเงินหลายแสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดการเงิน
หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นเจพีมอร์แกนพุ่งขึ้น 9.6% หุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้น 10.2% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ปิดบวก 4.7% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปิดบวก 4.8%
การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นโคคา-โคลา โดยหุ้นดังกล่าวดิ่งลง 2.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกลดลง 10% เนื่องจากการปรับโครงสร้างองค์กรและมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีที่ลดลง