ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 3.40 จุด หรือ 0.09% แตะที่ 3,987.46 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,897.25-4,019.16 จุด
เดวิด คู๊ก นักวิเคราะห์จาก Mint Equities กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป รายงานวส่าผลประกอบการไตรมาสแรกทรุดตัวลง 51% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สร่วงลง 4.8% หุ้นธนาคารลอยด์ร่วงลง 9.1% หุ้นธนาคาร HSBC ร่วงลง 1.9%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลง หลังจากไรท์มูฟ พีแอลซี (Rightmove Plc) เว็บไซต์ด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษเปิดเผยว่า ราคาบ้านโดยเฉลี่ยในเดือนเม.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% จากเดือนมี.ค.แตะที่ 222,077 ปอนด์ (328,000 ดอลลาร์) โดยมีราคาบ้านในลอนดอนเขตเดียวเท่านั้นที่ลดลง 3.2% โดยราคาบ้านลดลง 7.3% จากปีก่อนหน้านี้
ขณะที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (CEBR) คาดการณ์ว่า สถาบันการเงินในอังกฤษอาจปลดพนักงานราว 29,000 ตำแหน่งในปีนี้ หรือราว 9% ของแรงงานทั้งหมด ก่อนที่อัตราการจ้างงานจะกระเตื้องขึ้นอีกครั้งในปีหน้า จากที่ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าจะมีการปลดพนักงานถึง 34,000 คน
ตลาดไม่ให้ความสนใจต่อการที่นายอลิสแตร์ ดาร์ลิ่ง รมว.คลังอังกฤษเตรียมจัดสรรเงิน 1 พันล้านปอนด์ (1.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นยอดการสร้างบ้านในอังกฤษ หลังโครงการสร้างที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมามีจำนวนลดลงเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน