(เพิ่มเติม) STEC คาดรับรู้รายได้ปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน ห่วงผลประมูลงานใหม่ไม่คืบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 22, 2009 16:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC) ยอมรับว่ายอดรับรู้รายได้ในปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนที่มียอดรับรู้ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากมูลค่างานในมือ(backlog)เดิมที่มีอยู่ ณ สิ้นปี 51 แต่เชื่อว่ากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 3.5% เนื่องจากงานเดิมที่มีมาร์จิ้นต่ำจะส่งมอบครบทั้งหมด ขณะที่งานใหม่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเป็นห่วงการรับรู้รายได้ในอนาคตปี 53 เนื่องจากปริมาณงานใหม่ที่เปิดประมูลในปีนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนสรุปผลการประมูลได้ล่าช้า โดยตั้งแต่ต้นปีบริษัทได้ยื่นประมูลงานไปแล้วมูลค่า 2-3 หมื่นล้านบาท แต่ได้เซ็นสัญญารับงานใหม่จากกลุ่มดาวเคมีคัล 509 ล้านบาท งานที่รอเซ็นสัญญาในเร็ว ๆ นี้อีก 2 สัญญา คือ งานของกรมทางหลวงชนบท 184 ล้านบาท และงานในมาบตาพุดอีก 144 ล้านบาท

"เศรษฐกิจไม่ดี พอมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯก็ยิ่งเป็นตัวตอกย้ำ ถ้าการเมืองไม่นิ่งก็ไม่มีใครกล้าลงทุน เหมือนกับปีที่แล้ว...เรากำลังเครียดเรื่องงานในปีหน้า ส่งประมูลเข้าไปก็ยังไม่รู้ผล เรารอสถานการณ์ดีขึ้นก็คงได้งานเพิ่ม"นายวัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร กรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการบริหาร STEC กล่าว

อนึ่ง งานในมือขณะนี้ มาจากภาคเอกชน 53% ภาครัฐ 8% และ รัฐวิสาหกิจ 29%

นายวัลลภ กล่าวว่า ปีนี้และปีที่แล้วสสภาพธุรกิจโดยรวมผิดปกติ เพราะในช่วงไตรมาสแรก งานใหม่เข้ามายังน้อยมากไม่ถึง 1 พันล้านบาท โดยปกติแต่ละปีบริษัทจะได้งาน 1 ใน 3 ของมูลค่าที่เข้าประมูลราว 5-6 หมื่นล้านบาท หรือได้งานใหม่อย่างน้อย 1.5 หมื่นล้านบาท โดยสิ้นปี 51 บริษัทได้งานใหม่ประมาณ 1.22 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแนวโน้มสูงจะได้รับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า IPP แห่งหนึ่งมูลค่างานราว 3 พันล้านบาท เพราะมีจุดเด่นเรื่องนี้ รวมทั้งงานโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่บริษัทจะเข้าร่วมประมูลทุกเส้นทางและทุกสัญญา ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีแดง(บางซื่อ-รังสิต)ของการรถไฟแห้งประเทศไทย (รฟท.) ที่รัฐบาลได้เงินกู้แล้ว และคาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลในเดือนเม.ย.นี้

และโครงการที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางซื่อ-บางใหญ่), รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน(บางซื่อ-ท่าพระ, หัวลำโพง-บางซื่อ) และส่วนต่อขยายสายสีเขียว(แบริ่ง-สมุทรปราการ)ที่จะใช้เงินกู้ในประเทศ รวมถึง โครงการระบบรถไฟรางคู่

นายวัลลภ กล่าวว่า หากวันนี้มีข้อสรุปผลการต่อรองราคารถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 1 กับกลุ่ม CKTC ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจโครงการภาครัฐมากขึ้น และคาดว่าสัญญาที่เหลือ คือ สัญญา 2 และ 3 จะจบได้ภายในเดือน มิ.ย.ซึ่ง STEC ก็ได้เข้ายื่นประมูลทั้ง 2 สัญญา

"ทุกสายเราเข้าประมูลทุกเส้น ตอนนี้เรายังบอกไม่ได้หรอกว่า เราจะได้หรือไม่ เราก็ยังรอลุ้นได้สัญญาที่ 2" นายวัลลภ กล่าว

แม้ว่ารายได้จะลดลงตามงานในมือ แต่บริษัทพยายามทำกำไร ส่วนหนึ่งก็พยายามลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่าย โดยขณะนี้บริษัทมีภาระหนี้สินน้อยลง ซึ่งสิ้นปี 51 มีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) ลดลงเหลือ 1.79 เท่าจาก 2.60 เท่าในปี 50

"นาทีนี้เราประคองตัวไปให้ได้ก็โอเค เราเป็น pure construction company... ถึงแม่ว่ารายได้จะลดแต่จะทำกำไร ส่วนรายได้ในไตรมาส 1 นี้ ลดลง ก็ดู backlog ลดลง" นายวัลลภ กล่าว

*ปี 52 ตัดขาดทุนสะสม 1.3 พันลบ.หมด มีลุ้นได้ปันผล

ในวันนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น STEC ได้อนมุติโอนบัญชีเงินทุนสำรองตามกฎหมาย จำนวน 103.04 ล้านบาท และ บัญชีส่วนเกินมูลค่าหุ้น จำนวน 1,222.50 ล้านบาท ไปชดเชยผลขาดทุนสะสมทั้งหมดของบริษัท ที่มีอยู่จำนวน 1,325.5 ล้านบาท (ณ สิ้นปี 51) ภายหลังจากบัฯทึกบัญชีเพื่อชดเชยผลขาทดนุสะสมของบริษัทดังกล่าว บริษัทคงเหลือส่วนเกินมูลค่าหุ้นจำนวน 2,097.06 ล้านบาท จากเมื่อสิ้นปี 51 ที่มีอยู่ 3,319.55 ล้านบาท และทำให้บริษัทไม่มีผลขาดทุนสะสมในปี 52

นายวัลลภ กล่าวว่า หากในปี 52 บริษัททำกำไรได้ ก็จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามนโยบายจ่ายไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เพราะนับตั้งแต่ปี 49 บริษัทมีผลขาดทุนจากโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงค์ บริษัทยังไม่ได้จ่ายเงินปันผลเลย


แท็ก (STEC)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ