ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยตัวเลขขาดทุนเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันและลดการจ่ายเงินปันผล ซึ่งจุดปะทุให้เกิดความกังวลเรื่องปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐอีกครั้ง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 82.99 จุด หรือ 1.04% แตะที่ 7,886.57 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 6.53 จุด หรือ 0.77% แตะที่ 843.55 จุด อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 2.27 จุด หรือ 0.14% แตะที่1,646.12 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.77 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.69 พันล้านหุ้น
แฟรงค์ อิงการ์รา นักวิเคราะห์จาก Hennessy Funds กล่าวว่า หุ้นกลุ่มการเงินถูกกระหน่ำขายหลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ รายงานว่าบริษัทขาดทุน 578 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่ขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาส พร้อมกับประกาศลดจ่ายเงินปันผล เพราะถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่แคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล รายงานประกอบการที่ย่ำแย่เช่นกัน ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องงบดุลของภาคการธนาคาร
อิงการ์รากล่าวว่า ตัวเลขขาดทุนของมอร์แกน สแตนลีย์ บั่นทอนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กอย่างมาก ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐที่แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งสภาคองเกรสว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีทุนสำรองเพียงพอที่จะปกป้องการขาดทุนได้
ภาวะการซื้อขายซบเซาลงเมื่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงาน Global Financial Stability Report (GFFSR) ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจโลกปี 2552 มีแนวโน้มหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี และคาดการณ์ว่าสถาบันการเงินทั่วโลกจะขาดทุนรวมกันราว 2.7 ล้านล้านดอลลาร์เนื่องจากวิกฤตการณ์ในตลาดการเงินซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาในตลาดซับไพรม์ของสหรัฐ ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐบาลทั่วโลกใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายครั้งก็ตาม
นักลงทุนจับตาดู IMF ที่เตรียมเปิดเผยรายงาน World Economic Outlook ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า IMF จะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ร่วงลง 9% หลังจากบริษัทเผยตัวเลขขาดทุน 578 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่ขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาส ขณะที่หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปิดร่วง 3.4% และหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดลบ 5.7%
ส่วนหุ้นโบอิ้งปิดบวก 65 เซนต์ แตะที่ 37.30 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกร่วงลง 50% เนื่องจากการปรับลดการผลิตและเลื่อนการส่งมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ ส่งผลให้บริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2552
หุ้นยาฮูปิดบวก 10 เซนต์ แตะที่ 14.48 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทประกาศเลย์ออฟพนักงานเกือบ 700 คน ภายหลังจากผลประกอบการไตรมาสแรกดิ่งลง 78% เหลือเพียง 118 ล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นอีเบย์ดิ่งลง 3.4% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในสัปดาห์นี้