หุ้น BCP ราคาวิ่งขึ้น 1.89% อยู่ที่ 10.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท(+1.89%) มูลค่าซื้อขาย 92.72 ล้านบาท ส่วน BCP-DR1 ราคาอยู่ที่ 11.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท(+1.82%)มูลค่าซื้อขาย 8.34 ล้านบาท (เมื่อเวลา 10.22 น.)
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP-DR1) ให้ราคาเป้าหมาย 13 บาท ปรับขึ้นจากเดิม 12 บาท จากการปรับ PE เป้าหมายเป็น 6.5 เท่า จากเดิม 6 เท่า และ Dividend yield ระดับ 5.4% อีกทั้งในยามภาวะตลาดผันผวน ยังถือเป็นทางเลือกหนึ่งด้านความปลอดภัยจากการที่ผู้ลงทุนสามารถขายคืนหุ้นได้ในปี 57 ที่ราคา 13 บาท ส่วน BCP "Trading" ที่ราคาเป้าหมาย 11.70 บาท (อิงส่วนลด 10% จากราคาเป้าหมายหุ้น BCP-DR1)
ทั้งนี้ คาด 1Q52 พลิกเป็นกำไรระดับ 1.4 พันล้านบาท จากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 3.1 พันล้านบาท (ส่วนใหญ่จาก Inventory loss และ LCM รวมประมาณ 6 พันล้านบาท) และเทียบ Y-Y เพิ่มขึ้น 62% โดยส่วนใหญ่จากค่าการกลั่น (GRM) ที่คาดสูง US$9.2/บาร์เรล รวม Hedging gain ประมาณ US$4.6/บาร์เรล (จากการทำ Hedging คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของปริมาณกลั่นทั้งหมด ที่เฉลี่ย 8.16 หมื่นบาร์เรลต่อวัน (เพิ่ม 4% Q-Q)
โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (Product Quality Improvement: PQI) เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงกลางเดือนเม.ย.นี้ จะทำให้ใช้กำลังกลั่นเพิ่มเป็นระดับ 9-9.5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน และสัดส่วนการผลิตน้ำมันเตาจะลดลงจากเดิมที่ 30-33% เป็นประมาณ 14% ขณะที่จะได้น้ำมันใสที่ราคาสูงกว่าในสัดส่วนมากขึ้น ดีเซลและเบนซินจากเดิม 35% และ 18% เป็นประมาณ 52% และ 25% ตามลำดับ
นอกจากนี้ บริษัทมีการทำ Hedging (ส่วนใหญ่เป็น Crack spreads ดีเซล-ดูไบ และน้ำมันเตา-ดูไบ) รวมประมาณ 40% ของปริมาณผลิตปี 52 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงหากค่าการกลั่นในช่วงที่เหลือของปีหากปรับตัวลงมาก จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่จะมีกำลังการกลั่นใหม่เข้ามามากขึ้นในภูมิภาค และเป็น Cushion ต่อผลกำไรปี 52 ซึ่งคงไว้ก่อนที่ระดับ 2.2 พันล้านบาท สมมุติฐาน GRM ค่อนข้าง Conservative ที่ US$5/บาร์เรล จากปี 51 ที่เป็นขาดทุนสุทธิ 749 ล้านบาท จากผลกระทบจาก Stock loss และ LCM รวม 5.1 พันล้านบาท