TIPCOรุกขยายตลาดตอ.กลาง-เอเชีย-แอฟริกา/ส่งสินค้านวตกรรมใหม่ลงสนาม พ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 23, 2009 11:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ทิปโก้ฟู้ดส์(ประเทศไทย)หรือ TIPCO เดินหน้าฝ่ากระแสวิกฤติเศรษฐกิจรุกขยายตลาดในประเทศ-ต่างประเทศเต็มสูบ สร้างตลาดใหม่ในตะวันออกกลาง เอเชีย และแอฟริกา ทดแทนตลาดหลักที่กำลังซื้อถดถอย ส่งสินค้านวัตกรรมใหม่ลงตลาดกลางปีกระตุ้นยอดขายที่ ขอหวังแค่ประคองรายได้-อัตรากำไรปีนี้ให้ได้ใกล้เคียงกับปีก่อนหลังคาดไตรมาส 1/52 ออกมาแค่ทรงตัว ขณะที่ TASCO ที่ถือหุ้นอยู่เชื่อว่าปีนี้ไม่แย่มากหากน้ำมันไม่พุ่งกลับไปเหนือ 100 เหรียญฯอีก

นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ TIPCO กล่าวว่า บริษัทต้องปรับแผนกลยุทธ์การตลาดจากผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เนื่องจากการส่งออกทำได้ยากขึ้นจากสาเหตุกำลังซื้อของลูกค้าถดถอย โดยเฉพาะในตลาดหลักที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยบริษัทจะขยับไปหาตลาดที่ยังมีกำลังซื้อและเน้นคุณภาพที่แตกต่างอย่างตะวันออกกลาง เอเชีย หรือ แอฟริกา

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายอดการส่งออกในปีนี้คงจะทรงตัวจากปีที่ผ่านมา แต่ยังคงสัดส่วนรายได้ 50:50 เมื่อเทียบกับยอดขายในประเทศ ซึ่งอาจจะมีผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นถดถอยไปบ้าง อาจกระทบต่อผลกำไรบ้างแม้ว่าจะไม่มากนัก บริษัทจึงตั้งเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)เฉลี่ยในปีนี้ไว้ที่ระดับ 30%

"เราก็ระมัดระวังเรื่องมาร์จินอยู่แล้ว ไม่ได้เน้นเรื่องโตเท่าไร เรารักษาระดับมาร์จินที่เหมาะสมเลือกลูกค้าที่จะไปขาย มาร์จินของบริษัทเฉลี่ยประมาณ 30% ซึ่งจะต้องแยกเป็นของธุรกิจส่งออกธรรมดามาร์จินจะต่ำกว่า 20% และธุรกิจเครื่องดื่มที่เราที่ติดตลาดในประเทศเป็นหลักมีมาร์จินประมาณ 40% เมื่อเฉลี่ย 2 ส่วนก็ประมาณ 30% ปีนี้ก็พยายามรักษาระดับนี้" นายวิวัฒน์ กล่าว

สำหรับการอ่อนค่าของเงินบาทซึ่งเป็นปัจจัยบวกของ TIPCO ปีนี้ ซึ่งช่วยทำให้การส่งออกดีขึ้น โดยมองว่าในปีนี้อัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยน่าจะเกิน 36 บาท/ดอลลาร์แน่นอน เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมาเราเจอวิกฤตอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งจริงๆแล้วค่าเงินสกุลอื่นก็อ่อนค่าไปมากแล้ว ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าช้ากว่า

สินค้าส่งออกหลักในปีนี้ได้มีการปรับกลยุทธ์โดยส่งออกสับปะรดลดลง จากปัจจัยสำคัญ คือ ผลผลิตที่ออกมาน้อยและกำลังซื้อถดถอย ประกอบกับราคาขายต่อหน่วย(ในต่างประเทศ)ก็ลดลงต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องหันไปส่งออกเครื่องดื่มอื่นมากขึ้น โดยเน้นเครื่องดื่มประเภทน้ำผลไม้และซีเรียลเป็นหลัก ด้านตลาดก็จะน้นทั้งในอาเซียนและนอกอาเซียน ซึ่งมีการเติบโตพอสมควร

*ปรับกลยุทธรักษายอดขายปีนี้ ส่งสินค้านวตกรรมใหม่กระตุ้นตลาดครึ่งปีหลัง

นายวิวัฒน์ กล่าวต่อว่า บริษัทยังมีการปรับกลยุทธในด้านอื่น ๆ เพื่อรักษายอดขายในปีนี้ให้ได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มียอดขาย 5,200 ล้านบาท หลังจากแนวโน้มยอดขายในช่วงฤดูร้อนปีนี้ไม่ดีมากเหมือนกับปีก่อน ๆ และยอดขายไตรมาส 1/52 แม้ว่าจะเป็นไปตามเป้า แต่คงไม่เติบโตจากปีที่แล้ว

ส่วนกำไรปีนี้ยังตอบได้ยาก ขอให้ผ่านช่วงครึ่งปีแรกไปก่อนก็จะเห็นความคาดหวังที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งปีนี้ทุกบริษัทคงจะต้องระมัดระวังทั้งสิ้น

"ยอดขายปีนี้ถามว่าเข้าเป้าปีนี้มั้ย...เข้า แต่ถามว่าเติบโตจากปีที่แล้ว..คิดว่าคงไม่ถึง เป้าปีนี้ตอบตรงๆว่า แค่ตอนนี้ประเมิน 3 เดิอนที่ผ่านมาแค่สามารถรักษาระดับของปีที่แล้วก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว"นายวิวัฒน์ กล่าว

โดยปกติยอดขายในช่วงฤดูร้อนของทุกปีจะจะสูงกว่าช่วงอื่น ๆ ตามทฤษฎีและประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แต่ปีนี้ค่อนข้างจะลำบาก เพราะในเดือนเม.ย.เป็นช่วงที่มีอุปสรรคค่อนข้างมากทั้งด้านปัญหาเศรษฐกิจและสถานการณ์บ้านเมือง ทำให้ประชาชนไม่ไปจับจ่ายใช้สอยตามห้างสรรพสินค้ามากอย่างที่ควร จุดนี้มีผลต่อตลาดในประเทศ โดยเฉพาะในเดือนเม.ย.นี้เห็นชัดมาก

ส่วนครึ่งปีหลังจะกระเตื้องขึ้นหรือไม่นั้น ยังเป็นความคาดหวังที่เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะพลิกกลับมาดีขึ้นได้ กำลังซื้อที่หายไปก็อาจจะกลับมา และบริษัทจะมีสินค้าตัวใหม่ออกสู่ตลาดอีก 1 ตัวในเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ใช้นวัตกรรมใหม่ที่ยังไม่มีใครเคยนำเสนอในประเทศไทยมาก่อน เชื่อว่าจะมาเป็นตัวหลักในการกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่บริษัทก็จะมีการปรับปรุงด้านมาร์เก็ตติ้งให้โดดเด่นด้วย

"ตัวนี้ถือเป็นแผนสำรองกรณียอดขายปกติถูกกระทบก็จะมีสินค้าใหม่มากระตุ้นตลาดเพื่อรักษาระดับ จึงเรียนแค่ว่าถ้ารักษาระดับให้เท่ากับปีที่แล้วถือว่าผมเก่งมากแล้ว ในสถานการณ์อย่างนี้ ก็หวังว่าถ้าการเมืองไทยสงบลง คนไทยหันมาจับจ่ายมากขึ้นก็คิดว่าตรงนั้นจะช่วยทำให้สิ่งที่เรามองดีขึ้นเยอะ"นายวิวัฒน์ กล่าว

นอกจากนั้น บริษัทจะมีการปรับโฉมเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนัลดริงค์"ดาการะ"เพราะยังไม่พอใจกับผลที่ออกมาถึงแม้ว่ายอดขายจะเข้ามาบ้างและคอนเส็ปต์ของสินค้าถูกต้องแล้ว เพียงแต่ยังติดขัดเรื่องการสื่อสารกับผู้บริโภคจากระเบียบของภาครัฐ ก็จะมีการพลิกกลยุทธ์สื่อสารให้ชัดเจนมากขึ้น

*มอง TASCO ปีนี้ไม่แย่เหมือนปีก่อน

นายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้ TIPCO จะไม่มีการลงทุนใหม่แต่จะพยยามบริหารสินทรัพย์ที่ได้ลงทุนไปแล้วให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่นในโรงงานใหม่ และพยายามจะขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องดื่ม ซึ่งไม่ต้องการการลงทุนใหม่มากนัก และใช้งบการตลาดในระดับที่เหมาะสมเน้นด้านการทำโปรโมชั่นมากกว่าการโฆษณาแคมเปญใหม่

"คาดว่าระยะยาวเราไม่กลัวใคร แต่ระยะสั้นคิดว่าปัจจัยความผันผวนของเศรษฐกิจคงมีกระทบเรื่องผลประกอบการบ้าง นอกจากสินค้าตัวใหม่ที่จะเปิดไตรมาสหน้าก็คงจะมีออกสินค้าใหม่อีก เพราะธุรกิจใหม่ของเราเกี่ยวกับพืชต่างๆ ที่เราซื้อเข้ามาก็เริ่มปลูกผลไม้ ผลไม้ก็เริ่มเข้ามาสร้างรายได้ให้ได้เป็นรูปธรรมมากขึ้น"นายวิวัฒน์ กล่าว

นายวิวัฒน์ กล่าวว่า กิจการที่เป็นการลงทุนของบริษัท ซึ่งถือหุ้น 24.33% อยู่ใน บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์(TASCO)เชื่อว่าในปีนี้ผลงานของ TASCO คงออกมาไม่แย่เหมือนในปีก่อนที่ TIPCO ต้องรับรู้ผลขาดทุนจาก TASCO สูงถึง 265 ล้านบาท โดยเฉพาะหากราคาน้ำมันไม่กลับไปที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ธุรกิจของ TASCO ก็น่าจะไปได้ดี และอาจเป็นตัวเสริมในด้านรายได้ให้กับบริษัทได้

"ในส่วนของ TASCO ปีนี้เท่าที่ผมประเมินในอุตสาหกรรมน้ำมัน timing แบบนี้ผมชอบเพราะ TASCO บริหารง่าย แต่ถ้าขึ้นลงสวิงมากๆ ทำให้เศรษฐกิจแย่"นายวิวัฒน์ กล่าว

อนึ่ง บทวิเคราะห์โบรกเกอร์ฯ มองว่าปีนี้ TASCO จะฟื้นตัวจากปัจจัยบวกความต้องการยางมะตอยในประเทศจะสูงขึ้นจากโครงการถนนปลอดฝุ่นและโครงการเมกะโปรเจ็คต์ต่าง ๆ

บริษัทยังจะพยายามรักษาคำมั่นสัญญาที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นให้ได้ 1 ใน 3 ของกำไร ขณะที่ราคาตามมูลค่าทางบัญชี(BV)อยู่ที่ 3.85 บาท/หุ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ