SICCO คาดปี 52 ทำกำไรสูงขึ้น/ยึดนโยบายเน้นคุณภาพ-ชะลอปล่อยสินเชื่อใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 23, 2009 14:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิเชษฐ วรกุล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บง.สินอุตสาหกรรม(SICCO) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่ารายได้ปี 52 น่าจะทรงตัวจากปีที่แล้ว ส่วนกำไรยังมีโอกาสที่จะสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากในปีก่อนบริษัทมีภาระตั้งสำรองฯไว้ค่อนข้างมาก

"คิดว่าปีนี้(52)รายได้คงจะทรง ๆ ตัว จากปีที่แล้ว โดยปีที่แล้วบริษัทฯมีกำไรก่อนตั้งสำรอง 500 กว่าล้านบาท แต่เนื่องจากปีที่แล้วเรามีการตั้งสำรองค่อนข้างเยอะ เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่จะไม่ดี เพราะฉะนั้นกำไรปีที่แล้วเราจึงมีแค่ 20 ล้านบาท แต่คาดว่าปีนี้กำไรน่าจะสูงกว่านี้"นายวิเชษฐ กล่าว

SICCO และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 2551 มีกำไร 20.26 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.03 บาท ลดลงจากปีก่อนหน้าที่กำไร 125.43 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.21 บาท

อนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ให้ SICCO ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติมสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อ จากเดิมพิจารณาสำรองตามวิธีกันเงินสำรองเป็นกลุ่มลูกหนี้(Collective approach)โดยการคำนวณค่าความน่าจะเป็นในการเปลี่ยนสถานะสินเชื่อ(Transition Probabilities)จากวิธีเฉลี่ยรายเดือน เป็นเฉลี่ยใน 1 งวดบัญชี(6 เดือน)ทำให้ต้องตั้งสำรองในปี 51 สูงขึ้น

นายวิเชษฐ กล่าวอีกว่า ณ สิ้นไตรมาส 1/52 บริษัทฯมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐาน BIS อยู่ที่ประมาณ 12.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดไว้ขั้นต่ำที่ 8%

"ภายในปีนี้ภาวะเศรษฐกิจคงจะถดถอย ทุกบริษัทฯคงจะรับรู้หมดแล้ว แต่ละบริษัทฯก็ระมัดระวังการทำธุรกิจ สถาบันการเงินก็ระมัดระวังเป็นพิเศษ และให้ความสำคัญในเรื่องความมั่นคงเป็นอย่างมาก และดูแลลูกค้า เพราะฉะนั้นลูกค้ามีจำนวนเยอะ ก็เชื่อว่าประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ถ้าเขามีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจจริง เราก็จะยืดหยุ่นให้ ผ่อนปรนให้"นายวิเชษฐ กล่าว

*ยึดนโยบายเน้นคุณภาพ-ลดเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ รับมือวิกฤติศก.

นายวิเชษฐ กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ที่ไม่ดีนัก บริษัทจึงยึดนโยบายมุ่งเน้นคุณภาพเป็นหลัก ส่วนปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่คงจะลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย ซึ่งก็จะส่งผลให้ยอดรวมการปล่อยสินเชื่อปีนี้ลดลงเช่นกัน แต่ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาก็ไม่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 2.7-2.8%

"ในแง่คุณภาพก็คงไปดูเรื่องการบริหารจัดการ คุณภาพลูกหนี้ คุณภาพในการจัดเก็บค่างวด และการให้บริการแก่ลูกค้า เป้าหมายการขยายสินเชื่อคงจะไม่มี แต่ก็คงจะพยายามจะ maintain เอาไว้ พยายามสร้างเงินกองทุนให้สูงไว้บริษัทฯจะได้แข็งแรง เพื่อไปรองรับเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ซึ่งเราก็เตรียมการมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

ปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่จะลดลงจากปีที่แล้วนิดหน่อย ยอดรวมของสินเชื่อ(outstanding)จะลดลงตามไปด้วย เนื่องจากเราปล่อยสินเชื่อลดลงจากปีที่แล้ว แต่คุณภาพ NPL ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมาก็ยังไม่เพิ่มขึ้น ตอนนี้อยู่ประมาณ 2.7-2.8% ซึ่งก็ไม่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว"นายวิเชษฐ กล่าว

*ปีนี้ชะลอปล่อยสินเชื่อรถมอเตอร์ไซต์, งดเพิ่มสาขาใหม่

รองกรรมการผู้จัดการ SICCO กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯคงจะยังไม่เพิ่มสาขาจากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 15 สาขาทั่วประเทศ

บริษัทฯยังเน้นปล่อยสินเชื่อรถยนต์เป็นหลักในสัดส่วน 97% ส่วนอีก 3% เป็นการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ โดยในส่วนของการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์จะไม่เน้นมากที่จะขยายไปมากนัก เพราะมีความเสี่ยงในแง่ของผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่มีต่อลูกหนี้มากกว่า ขณะที่บริษัทฯพยายามควบคุมตัวเลข NPL ไม่ให้มีการเพิ่มขึ้น

"จากที่ได้ยินเรื่องเศรษฐกิจไม่ดี และลูกหนี้ที่อาจจะประสบภาวะนี้ได้ เช่นประสบปัญหาการเลิกจ้างบ้าง หรือในตัวธุรกิจเองที่อาจชะลอไป ทำให้เราเข้าไปดูแลลูกค้ามากขึ้น ถ้ามีปัญหาก็จะมีการปรับหรือผ่อนปรนให้ ซึ่งเราก็เข้าใจและพยายามช่วยให้ลูกค้าได้มีการปรับตัวได้

โดยปีนี้บริษัทฯได้ชะลอการปล่อยสินเชื่อรถมอเตอร์ไซต์ ซึ่งตอนนี้สินเชื่อมอเตอร์ไซต์มีอยู่ประมาณ 3% ส่วนที่เหลือเป็นการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ 97% ทั้งนี้บริษัทฯต้องการที่จะพยายาม maintain และพยายามควบคุม NPL"รองกรรมการผู้จัดการ SICCO กล่าว

*ปฏิเสธข่าวลือการควบรวมกิจการของบล.ซิกโก้กับโบรกฯอื่น

นายวิเชษฐ ปฏิเสธกระแสข่าวควบรวมกิจการ บล.ซิกโก้(SSEC)กับบล.ฟินันซ่าและบล.สินเอเชีย ในฐานะที่ SICCO เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SSEC ในสัดส่วน 80% เนื่องจากขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนที่จะให้ SSEC ไปควบรวมกิจการกับโบรกเกอร์อื่น

"เราไม่ได้มีแผนที่จะเอาส่วนของหลักทรัพย์ไปควบรวมกิจการกับโบรกเกอร์อื่นตามที่มีข่าวลือออกมา"นายวิเชษฐ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ทางผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ซึ่งก็คือธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) กำลังดำเนินการในเรื่องการขายหุ้น SICCO ออกตามกฎเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ดังนั้น ขณะนี้ SSEC จึงยังคงดำเนินธุรกิจไปตามปกติ ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ในปี 52 บริษัทฯยังคงเดินหน้าทางธุรกิจในการจัดการทางด้านการตลาด ซึ่งยังคงเน้นลูกค้ารายย่อย(retail)เป็นหลักเกือบ 100% ส่วน SSEC ปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์จากธุรกิจหลักทรัพย์อยู่ประมาณ 1.4-1.5%

อนึ่ง ราคาหุ้น SICCO ปิดเทรดช่วงเช้าวันนี้ 2.18 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท (+3.81%) มุลค่าการซื้อขาย 12.70 ล้านบาท

ขณะที่ราคาหุ้น SSEC ปิดเทรดเช้านี้ 0.59 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท (+5.36%) มูลค่าการซื้อขาย 2.90 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ