ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากรายงานยอดขายบ้านมือสองที่ร่วงลงในสหรัฐ และรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัท ชโรเดอร์ส
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 12.43 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 4,018.23 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,999.06-4,082.31 จุด
โอเมอร์ แบตตี นักวิเคราะห์จาก WorldSpreads Group Plc ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 3.0% ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 4.57 ล้านยูนิต แม้ว่าลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 4.70 ล้านยูนิตก็ตาม
หุ้นชโรเดอร์สซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนร่วงลง 2.6% หลังจากชโรเดอร์สรายงานว่า ผลกำไรก่อนหักภาษีทรุดฮวบลง 54% ในไตรมาสแรก เนื่องจากภาวะผันผวนในตลาดส่งผลกระทบต่อดีมานด์ของนักลงทุน
หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงหลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ รายงานการขาดทุน 578 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่ขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาส พร้อมกับประกาศลดจ่ายเงินปันผล เพราะถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์
โดยหุ้นธนาคาร HSBC ร่วงลง 2.1% หุ้นลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ดิ่งลง 3.2% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 4.5%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นบีพีปิดบวก 1% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ปิดพุ่ง 1.7% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ปิดบวก 2.2% และหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ปิดพุ่ง 2.7%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวผันผวนเนื่องจากราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลกอ่อนตัวลง โดยหุ้นริโอ ตินโตปิดบวก 4% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดบวก 1%
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ดีดขึ้น 3.3% ขณะที่หุ้นเน็กซ์ปิดบวก 6.6% ส่วนหุ้นโรลส์-รอยซ์ดิ่งลง 4% หลังจากนักวิเคราะห์ขอ Cazenove ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ “underperform" จากระดับ “in-line"