นายอภิรักษ์ วานิช ประธานกรรมการ บมจ. ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม (UVAN) คาดว่ารายได้และกำไรปี 52 คงจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 51 เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มในปีก่อนปรับตัวขึ้นมาก 30-40 บาท/กก. เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันปาล์มในปีนี้ที่คาดว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 25-26 บาท/กก. ประกอบกับปริมาณผลผลิตปาล์มปรับตัวลดลง โดยในไตรมาส 1/52 ลดลงถึง 40% จากความต้องการในต่างประเทศที่ลดลง โดยเฉพาะมาเลเซีย การผลิตต่ำกว่าที่คาดการณ์ เมื่อเทียบกับปริมาณผลผลิตในปีก่อนที่ 9 แสนตัน/ปี
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเทียบราคาน้ำมันปาล์มในไตรมาส 1/52 กับไตรมาส 4/51 แล้ว ไตรมาส 1 ถือว่าดีขึ้นโดยดูจากราคาน้ำมันปาล์มในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 23-24 บาท/กก. ขณะที่ไตรมาส 4/51 ราคาอยู่ที่ 15-16 บาท/กก. ซึ่งการเติบโตในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาส่วนใหญ่มาจากการขายในประเทศเป็นหลัก ส่วนต่างประเทศในไตรมาส 1 แทบจะไม่มีคำสั่งซื้อ และราคาในต่างประเทศก็ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 18-19 บาท/กก.
ส่วนในไตรมาส 2/52 บริษัทเชื่อว่าราคาขายในประเทศยังทรงตัวและปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 1/52 อีกทั้งดีมานด์ในประเทศก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้บริษัทคาดว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2/52 น่าจะเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/51 ประมาณ 10-20% ส่วนครึ่งปีหลังยอมรับว่ายังไม่สามารถประเมินได้ คงขึ้นอยู่กับราคาและปริมาณความต้องการ
"หากให้ผมเทียบรายได้ปีนี้กับปีก่อนลดลงอยู่แล้ว เพราะปีก่อนโชคดี 2 เด้งทั้งราคาที่ปรับตัวเพิ่มสูงมากแบบไม่เคยมีมาก่อน ผลผลิตก็สูง แต่หากเทียบกับปี 50 ที่เป็นภาวะปกติปี 52 การเติบโตดีกว่าแน่นอน และเท่าที่ดูความต้องการในประเทศดีมาก เราก็คงที่จะเน้นขายในประเทศเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับขายในต่างประเทศ เพราะดูอย่างยุโรปชะลอออร์เดอร์ไปเลย และในไตรมาส 1 นี้ก็ไม่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเลย"นายอภิรักษ์ กล่าว
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า บริษัทได้มีการเตรียมแผนซื้อที่ดินปลูกปาล์มเพิ่ม จากพื้นที่เดิมที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้ซื้อในปี 51 จำนวน 1 พันไร่ เพื่อรองรับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับการเจรจากับเจ้าของที่ดิน
นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่ จ.กระบี่ เพื่อขยายกำลังผลิตเป็น 90 ตัน/ปี จาก 45 ตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จ ปี 53-54 และบริษัทก็อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะเอาการทลายปาล์ม ซึ่งเป็นผลผลิตที่ซื้อจากชาวไร่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และจะส่งผลดีต่อบริษัท