นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส(SYRUS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2552 ได้รับทราบความประสงค์ของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ที่จะทำการขายหุ้นสามัญของบริษัทฯที่ถือโดยกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่จำนวนรวมทั้งสิ้น 59,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 24.69 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ให้กับบริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) หรือ FNS โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่และฟินันซ่าได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงเพื่อการซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2552 และการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะกระทำขึ้นเมื่อคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นและเงื่อนไขบังคับก่อนที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นดังกล่าวสำเร็จลง
เพื่อปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ คณะกรรมการได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำบันทึกข้อตกลงกับบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ("บล. ฟินันซ่า") (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของฟินันซ่า โดยฟินันซ่าถือหุ้นอยู่ในบล.ฟินันซ่า จำนวน 44,999,994 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบล. ฟินันซ่า) เพื่อการซื้อสินทรัพย์ของบล. ฟินันซ่า(FINANSA)ที่เกี่ยวกับ ("สินทรัพย์") โดยราคาโอนขายสินทรัพย์ดังกล่าวจะเท่ากับมูลค่าตามบัญชี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 รวมทั้งการโอนย้ายพนักงานของ บล. ฟินันซ่าที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และธุรกิจการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ("พนักงาน") และบัญชีลูกค้าที่เกี่ยวกับธุรกิจดังกล่าวของบล. ฟินันซ่า (แต่ไม่รวมใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจดังกล่าวของบล. ฟินันซ่า) ให้แก่บริษัทฯ
ทั้งนี้ เพื่อให้บล. ฟินันซ่า สามารถโอนย้ายบัญชีลูกค้าที่อยู่ในระบบเครดิตบาลานซ์ให้กับบริษัทฯ ได้ บริษัทฯ จะทำการ Refinance หนี้เงินกู้ยืม เพื่อซื้อหลักทรัพย์ของลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีระบบเครดิตบาลานซ์ดังกล่าวตามมูลค่าหนี้คงเหลือภายใต้สัญญากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ระหว่างบล. ฟินันซ่า และลูกค้าดังกล่าว ณ วันที่มีการ Refinance เพื่อให้ลูกค้าดังกล่าวสามารถเปิดบัญชีลูกค้าใหม่กับบริษัทฯ พร้อมโอนย้ายหลักทรัพย์ในบัญชีลูกค้าที่มีกับบล. ฟินันซ่ามายังบริษัทฯ ได้
การโอนขายสินทรัพย์ รวมทั้งการโอนย้ายพนักงาน บัญชีลูกค้า และการ Refinance หนี้เงินกู้ยืม เพื่อซื้อหลักทรัพย์ของลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีระบบเครดิตบาลานซ์ดังกล่าวข้างต้น จะกระทำขึ้นเมื่อผลการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) ของสินทรัพย์เป็นที่พอใจ และบริษัทฯ และ บล.ฟินันซ่าได้ลงนามในสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ ซึ่งคาดว่าคู่สัญญาจะลงนามในสัญญาดังกล่าวภายในเดือนพฤษภาคม 2552 และเงื่อนไขบังคับก่อนที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายสินทรัพย์สำเร็จลง ซึ่งเงื่อนไขบังคับก่อนที่สำคัญที่คาดว่าจะกำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ดังกล่าว รวมถึง (แต่ไม่จำกัดเพียง) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้อนุมัติการทำรายการดังกล่าวข้างต้น และฟินันซ่าได้ซื้อหุ้นในบริษัทฯ จากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว เป็นต้น
นอกจากนี้ เพื่อปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ คณะกรรมการได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคาร สินเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ ACL เพื่อการเสนอขายหุ้นสามัญใหม่เพิ่มทุน จำนวน 68,452,631 หุ้น ให้แก่ธนาคาร และเพื่อการซื้อหุ้นสามัญของบริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด (ACLS)จำนวน 86,648,900 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 86.65 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ บล. สินเอเซีย จากธนาคาร รวมทั้งอนุมัติให้บริษัทฯ ซื้อหุ้นของบล. สินเอเซีย จำนวน 13,351,100 หุ้น ที่เหลือจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นของบล. สินเอเซีย ตามที่บริษัทฯ เห็นสมควร และตามที่จะตกลงกันกับผู้ถือหุ้นรายย่อยนั้นๆ และอนุมัติให้บริษัทฯ เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 10,547,369 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยของบล. สินเอเซียได้ โดยราคาซื้อขายหุ้นของบล.สินเอเซีย (ราคาต่อหุ้น) ที่บริษัทฯ จะซื้อจากธนาคารและจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นของ บล. สินเอเซียจะเท่ากับมูลค่าตามบัญชีของบล. สินเอเซีย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552
โดยราคาเสนอขายหุ้นออกใหม่ของบริษัทฯ จะกำหนดจากมูลค่าตามบัญชีของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 และปรับปรุงด้วยรายการลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วเพื่อการคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2552 แต่ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้นออกใหม่ดังกล่าวจะไม่ต่ำกว่าราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของ บริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้อนหลัง 7 วันทำการก่อนวันประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ในครั้งนี้ ซึ่งคำนวณได้เท่ากับ 2.42 บาท จึงไม่ถือเป็นการเสนอขายหุ้นในราคาต่ำตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 28/2551 เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่
บริษัทฯ จะยังคงซื้อหุ้นบล. สินเอเซียจากธนาคารแม้ว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นของบล. สินเอเซีย (ไม่ว่ารายใดรายหนึ่ง) ไม่ขายหุ้น บล. สินเอเซีย ให้แก่บริษัทฯ และในกรณีที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นของบล. สินเอเซีย ไม่ทำการจองซื้อหุ้นสามัญใหม่เพิ่มทุนของบริษัทฯ ธนาคารจะทำการจองซื้อหุ้นในส่วนที่เหลือจากการเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยดังกล่าวนั้น
การจองซื้อหุ้นสามัญใหม่เพิ่มทุนและการซื้อขายหุ้นของบล. สินเอเซีย ระหว่างธนาคารกับบริษัทฯจะกระทำขึ้นเมื่อผลของการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) ของบริษัทฯ และบล. สินเอเซีย เป็นที่พอใจ และบริษัทฯ และธนาคารลงนามในสัญญาจองซื้อและซื้อขายหุ้นและเงื่อนไขบังคับ ก่อนที่ระบุไว้ในสัญญาจองซื้อและซื้อขายหุ้นสำเร็จลง ซึ่งเงื่อนไขบังคับก่อนที่คาดว่าจะกำหนดไว้ในสัญญาจองซื้อและซื้อขายหุ้นดังกล่าว รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ซื้อหุ้นบล. สินเอเซียจากธนาคารและจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นของบล. สินเอเซีย รวมทั้งอนุมัติให้บริษัทฯ ทำการเพิ่มทุนและออกหุ้นสามัญใหม่เพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้ธนาคารและผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นของบล. สินเอเซีย และธนาคารแห่งประเทศไทยมีมติให้ธนาคารขายหุ้นของบล. สินเอเซียให้แก่บริษัทฯ และอนุมัติให้ธนาคารถือหุ้นในบริษัทฯ ได้ และบริษัทฯดำเนินการจดทะเบียนลดทุนจดทะเบียนตามมติของที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2552 กับกระทรวงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ การจองซื้อหุ้นสามัญใหม่เพิ่มทุนโดยธนาคารจะส่งผลให้ธนาคารถือหุ้นในบริษัทฯ เป็นจำนวน 68,452,631 หุ้น คิดเป็นประมาณร้อยละ 21.53 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเพิ่มทุน หรือหากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นของบล. สินเอเซีย ไม่จองซื้อหุ้นสามัญใหม่เพิ่มทุนของบริษัทฯ ธนาคารจะถือหุ้นในบริษัทฯ เป็นจำนวน 79,000,000 หุ้น คิดเป็นประมาณร้อยละ 24.85 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเพิ่มทุน
ทั้งนี้ ได้มอบอำนาจให้นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้มีอำนาจในการเจรจา จัดทำ ลงนาม และส่งมอบซึ่งบันทึกข้อตกลงและ/หรือสัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินทรัพย์จากบล. ฟินันซ่า และ/หรือการซื้อหุ้นของบล. สินเอเซีย รวมทั้งการออกหุ้นสามัญใหม่เพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ธนาคารและผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นของ บล. สินเอเซียดังกล่า
พร้อมมีมติอนุมัติให้แต่งตั้ง บริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของบริษัทฯ เพื่อให้ความเห็นแก่ผู้ถือหุ้นในการพิจารณาการลงมติเกี่ยวกับการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ ดังกล่าวข้างต้น
นอกจากนี้ ยังได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ อีกจำนวน 128,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 80,000,000 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.60 บาท โดยการจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนจะดำเนินการก็ต่อเมื่อบริษัทฯ ได้จดทะเบียนลดทุนจดทะเบียนโดยวิธีลดมูลค่าที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 2 บาท เป็นหุ้นละ 1.60 บาท ตามมติของที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2552 กับกระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว
พร้อมมีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 80,000,000 หุ้น ดังนี้ หุ้นจำนวน 79,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ธนาคารและผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นของบล. สินเอเซีย จำนวนรวมไม่เกิน 37 ราย โดยหุ้นจำนวน 68,452,631 หุ้น เสนอขายให้แก่ธนาคาร และหุ้นจำนวน 10,547,369 หุ้นเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นของบล. สินเอเชีย
ส่วนหุ้นจำนวน 1,000,000 หุ้น เพื่อสำรองไว้เพิ่มเติมในกรณีที่อาจมีการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิตามโครงการ ESOP
พร้อมกันนี้ได้มีมติอนุมัติให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 ในวันที่ 12 มิถุนายน 2552 ณ โรงแรมอโนมา โดยวันกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการเข้าประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 (Record Date) วันที่ 11 พฤษภาคม 2552 และวันรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น วันที่ 12 พฤษภาคม 2552