ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 เม.ย.) หลังจากมีการเปิดเผยผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด ซึ่งจุดประกายความหวังว่าภาวะถดถอยของเศรษฐกิจกำลังจะมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้น 119.23 จุด หรือ 1.50% แตะที่ 8,076.29 จุด ซึ่งเป็นการปิดที่เหนือระดับ 8,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์
ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 14.31 จุด หรือ 1.68% แตะที่ 866.23 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 42.08 จุด หรือ 2.55% แตะที่ 1,694.29 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.7 พันล้านหุ้น
ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของฟอร์ด มอเตอร์ โค โดย ฟอร์ด เผยว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านดอลลาร์ หรือ 60 เซนต์ต่อหุ้น ในไตรมาสแรกปีนี้ เทียบกับกำไรสุทธิ 70 ล้านดอลลาร์ หรือ 3 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการขาดทุนเป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกัน ขณะที่บริษัทพยายามหาทางปรับโครงสร้างด้วยตัวเอง โดยเป็นบริษัทรถยนต์สหรัฐรายเดียวที่ยังไม่ขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลท่ามกลางตลาดยานยนต์ที่ซบเซาอย่างหนัก
ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เปิดเผยในแถลงการณ์ว่า บริษัทใช้เงินสดไป 3.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าจำนวนที่ใช้ไปในช่วงไตรมาสสี่ปีที่แล้ว
ขณะที่ หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส โค บริษัทบัตรเครดิตรายใหญ่สุดของสหรัฐ เดินหน้าขึ้น หลังจากบริษัทรายงานผลกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์ได้ประเมินไว้ อีกทั้งบริษัทยังแสดงความตั้งใจที่จะชำระเงินคืนให้กับรัฐบาลด้วย ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ก็ไต่ขึ้นเช่นกัน หลังรายงานกำไรลดลงน้อยเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.ที่ดีเกินคาดเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนที่แล้วลดลง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า แตะที่ 356,000 หลัง ซึ่งดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และเป็นข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งว่าตลาดอาจกำลังมีเสถียรภาพมากขึ้น
พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้เปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนว่า ร่วงลง 0.8% ในเดือนมี.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.5%