นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์(TUF) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า สาเหตุที่ราคาหุ้น TUF ปรับขึ้นมาแรงวันนี้น่าจะมาจากข่าวการระบาดของไข้หวัดหมู ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าผู้บริโภคอาจหันมาหาอาหารทะเล แต่ในแง่ของผู้ประกอบการก็ยังต้องรอความชัดเจนจากเรื่องนี้ก่อน แม้ว่าจะเป็นแนวโน้มที่ดี
"คิดว่านักลงทุนก็คงจะเห็นถึงแนวโน้มที่น่าจะดีจากอาหารทะเลหรือสินค้าที่ไม่ใช่เนื้อหมู แต่สำหรับผมเพิ่งเริ่มเกิดขึ้นก็ยังไม่เห็นอะไรที่ชัดเจน แต่ก็เป็นแนวโน้มที่ดีก็เหมือนกับช่วงที่มีปัญหาเรื่องวัวบ้า หรือมีปัญหาเรื่องไข้หวัดนก ดูแล้วแนวโน้มก็น่าจะส่งผลดีต่อราคาหุ้นในระยะต่อไป เพราะคงจะทำให้เกิดการตื่นตัวในการที่จะบริโภคอาหารทะเลมากเพิ่มขึ้นอีก"นายธีรพงศ์ กล่าว
ประธานบริษัท TUF กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินได้ว่าความกังวลในการบริโภคเนื้อหมูจะส่งผลต่อยอดขายอาหารทะเลมากน้อยแค่ไหน บริษัทจึงยังคงเป้าหมายยอดขายที่จะเติบโต 10% จากปีก่อนที่มียอดขาย 2,060 ล้านบาท จากแนวโน้มที่ดีของธุรกิจอาหาร ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจัยบวกที่เข้ามาก็น่าจะทำให้บริษัทไปสู่เป้าหมายได้ง่ายขึ้น
"อย่าเพิ่งปรับตัวเลขเพราะ 10% ก็ค่อนข้างชัดอยู่แล้ว แต่เราก็เชื่อว่าปัจจัยใหม่ๆ ที่เป็นบวกก็จะมาช่วยเราให้เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น"นายธีรพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ยอดขายไตรมาส 1/52 ที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า มีแนวโน้มที่ดีกว่างวดเดียวกันปีก่อน โดยไม่มีปัจจัยอะไรที่เป็นลบ เราได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก เพราะคนก็ยังต้องบริโภคอยู่ ขณะที่ปัญหาสำคัญในประเทศก็เป็นเรื่องแรงงานที่ไม่เพียงพอ ยังเป็นปัญหาต่อเนื่อง
ขณะที่การส่งออก ณ วันนี้คงจะต้องติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด ถึงแม้แนวโน้มยังดี แต่สถานการณ์ตลาดก็เปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว รวมทั้งต้องติดตามเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนว่านโยบายภาครัฐจะเป็นอย่างไร ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็อ่อนลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถือว่าเป็นปัจจัย positive ต่อบริษัท แต่อย่างไรก็ดี ก็ยังอ่อนค่าน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
"in line แนวโน้มก็ยังดี เป็น positive" นายธีรพงศ์ กล่าว
การส่งออกบริษัทจะเน้นทุกตลาด โดยเฉพาะทางด้านรัสเซีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ซึ่งปีนี้เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษนอกเหนือจากตลาดหลักของเรา คือ ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดหลักอย่างสหรัญและญี่ปุ่นก็คือว่าพอใช้ได้ แต่ยุโรปยังมีปัญหาในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงก็มีผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก
ขณะที่ยอดขายในประเทศก็ยังเติบโตได้ดี แต่เราก็ต้องเติบโตด้วยสินค้าใหม่ เราคงไม่สามารถเติบโตด้วยสินค้าเดิมๆ ปีนี้เราก็ยังจะเน้นพวกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากปลาซาร์ดีนและปลาแมคคาเรลที่เราจะผลักดันให้เติบโตขึ้น
นายธีรพงศ์ กล่าวว่า ในแง่ของสถานการณ์การเมืองในประเทศไม่มีผลกับเรามากนัก เนื่องจาก TUF เน้นตลาดส่งออกเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ดีจะบอกว่าไม่กระทบเลยคงเป็นไปไม่ได้ คิดว่ารัฐบาลจะต้องมีเวลามาบริหารประเทศด้วย โดยเฉพาะการดูแลธุรกิจเรื่องการส่งออกที่ทำรายได้หลักเข้าประเทศ ภาครัฐจะต้องเข้ามามีบทบาทแก้ไขปัญหาการกีดกันทางการค้าหรือการเปิดตลาดใหม่ๆ
"คิดว่าถ้ารัฐบาลมีสมาธิ มีการดูแลกันอย่างใกล้ชิดและมีเวลาทำงานเต็มที่ก็คิดว่าก็จะช่วยให้สถานการณ์เศรษฐกิจต่างๆ ดีขึ้นแต่ถ้าวุ่นๆ ยุ่งๆ ก็แย่ไปหมด"นายธีรพงศ์ กล่าว