นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยกการใหญ่ บมจ.ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส (INOX) ยอมรับว่าปีนี้ยอดขายและรายได้ของบริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันบริษัทก็ได้ปรับลดกำลังการผลิตลงมาเหลือไม่ถึง 50% ของกำลังการผลิตโดยรวมที่มีอยู่ 3 แสนตัน/ปี ส่วนจะปีนี้จะขาดทุนหรือไม่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ในไตรมาส 1/52 ยังออกมาเป็นที่น่าพอใจ
ปริมาณการใช้สเตนเลสในประเทศไทยยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 2 กิโลกรัม/คน ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายจะพยายามเร่งผลักดันให้เป็น 4 กิโลกรัม/คน เพื่อให้ยอดขายของบริษัทเติบโตขึ้น
ส่วนทิศทางราคาสเตนเลสเริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามราคานิกเกิลในตลาดโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต โดยปัจจุบันอยู่ที่ 1 หมื่นบาท/ตัน จากช่วงแรกของวิกฤติเศรษฐกิจที่ลดลงไปเหลือ 9 พันบาท/ตัน แต่อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าราคายังต่ำมากเมื่อเทียบกับช่วงปกติที่ราคาเคยปรับขึ้นไปสูงถึง 5 หมื่นบาท/ตัน
สำหรับตั้งสำรองทางบัญชีตามมูลค่าสเตนเลสที่ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทเคยตั้งสำรองไว้ 1.2 พันล้านบาทเมื่อปลายปี 51 ก็เชื่อว่าจะเพียงพอแล้ว และไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่มอีกในปีนี้
นายประยุทธ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนดำเนินธุรกิจในด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทกำลังเตรียมจะพัฒนาที่ดินย่านพระราม 4 ที่ได้จัดซื้อไว้ก่อนหน้านี้ เป็นโครงการอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่และสำนักงานให้เช่า เพื่อช่วยเสริมรายได้ให้กับ INOX ขณะที่บริษัทจะพิจารณาขายที่ดินย่านถนนนราธิวาสราชนครินทร์ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองราคากับผู้ซื้อเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด
อนึ่ง ก่อนหน้านี้บริษัทได้ยกเลิกโครงการที่ถนนนราธิวาสฯ มูลค่าโครงการ 3.32 พันล้านบาท ซึ่งได้ซื้อที่ดินไปแล้ว 517 ล้านบาท และหันมาศึกษารพัฒนาโครงการใหม่ที่ถนนพระรามสี่ หลังจากซื้อที่ดินไปแล้ว 722 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทยังคงเดินหน้าโครงการพัฒนาสนามกอล์ฟ โรงแรมและรีสอร์ท ที่จ.นครราชสีมา ตามแผนงานปกติ แต่ยอมรับว่าไม่ได้เร่งรีบให้โครงการแล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงชะลอตัว แต่ก็เชื่อว่าโครงการดังกล่าวมีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวสูงมาก
*"ประยุทธ"เปิดทางต่างชาติฮุบหุ้นใหญ่ รวมทั้ง POSCO
นายประยุทธ ยังกล่าวถึงมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ที่อนุมัติให้แก้ไขข้อบังคับบริษัท เกี่ยวกับการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติให้สามารถถือได้เกินกว่า 49% หลังจากได้รับการรับรองจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)แล้วว่า เป็นการเปิดทางให้นักลงทุนต่างประเทศที่สนใจในธุรกิจของบริษัทเข้ามาลงทุนเพิ่ม รวมทั้ง POSCO ซึ่งเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งแล้วราว 15% ก็มีสิทธิที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มได้
ขณะที่กลุ่มมหากิจศิริ ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะขายหุ้น INOX หรือไม่ แต่ก็ถือว่ามีสิทธิโดยสมบูรณ์ที่จะขายหุ้นออกไปได้
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจาก INOX เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเจรจาขอซื้อหุ้น INOX แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นกลุ่มใด ซึ่งหากบริษัทต้องการเสริมสภาพคล่องเพื่อรองรับการผลิตเต็มที่ 3 แสน/ตันในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ก็อาจจำเป็นต้องหาผู้ถือหุ้นที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมและมีความพร้อมในด้านฐานะการเงินที่แข็งแกร่งเข้ามาช่วยบริษัท