บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป(ERAWAN)คาดปี 52 รายได้ยังมีโอกาสเติบโตได้ 15%จาก 3.4 พันล้านบาทในปี 51 หลังเชื่อว่าปัจจัยภาวะเศรษฐกิจโลกและไข้หวัดหมูที่คนอื่นมองว่าหนักนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด มีแค่เรื่องเดียวที่ยังน่าเป็นห่วงคือปัญหาการเมืองในประเทศที่ต้องรอให้สงบโดยเร็ว เพราะความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาทั้งการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อเนื่องมาจนถึงการประกาศภาวะฉุกเฉินส่งผลให้โรงแรมใหม่ที่เปิดเมื่อช่วงปลายปี 51 อัตราการเข้าพักไม่น่าพอใจอย่างที่คาด
"ผมว่าเรื่องปัญหาเศรษฐกิจกับไข้หวัดเม็กซิโก หรือที่เรียกกันว่าไข้หวัดหมู ไม่ได้แย่สำหรับธุรกิจเราเท่าไหร่นัก แต่ปัญหาการเมืองนี่สิน่าเป็นห่วง ซึ่งหวังว่าจะดีขึ้น เราจึงมอง Topline ก็น่าจะเติบโตได้ 15% จากปีที่แล้ว"นายกษมา บุณยคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ERAWAN กล่าว
บริษัทเตรียมแผนส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะลดราคาห้องพักโรงแรมหรูลงมาสู้กับคู่แข่ง เช่น โรงแรม"Six Sense"จากเดิมที่กำหนดราคาห้องพักสูงกว่าคู่แข่ง 30-40% ก็จะปรับลงมาให้เท่ากับคู่แข่ง ทำให้คาดหวังว่าช่วงไตรมาส 4/52 ซึ่งเป็น High Season ของปี อัตราการเข้าพักของ Six Sense จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 30% จาก 10% ในช่วงไตรมาส 1/52
"ตอนนี้เราทำ Six Sense เราตั้งราคาไว้สูงมาก สูงกว่าคู่แข่งคือชีวาศรมถึง 30-40% แต่พอเกิดปัญหาเศรษฐกิจ โรงแรมหรูจะได้รับผลกระทบมากกว่าโรงแรมระดับต่ำลงมา เราก็เลยต้องทำการปรับลดราคาลงมาให้เท่ากับคู่แข่งเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ก็หวังว่าจะกระตุ้นอัตราการเข้าพักให้ดีขึ้น"นายกษมา กล่าว
ส่วนโรงแรมอื่นๆ ในเครือที่เพิ่งจะเปิดบริการเมื่อปี 51 ก็หวังว่าอัตราการเข้าพักในช่วง High Season ครึ่งหลังของปีนี้ จะเพิ่มเป็น 60-70% จาก 50-60% ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีนี้
ด้านแผนการลงทุน นายกษมา กล่าวว่า บริษัทได้มีการปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องสภาวะอุตสาหกรรม โดยการปรับลดจำนวนโรงแรมที่จะพัฒนาใหม่ลงจากแผนเดิมที่คาดว่าจะเปิดใหม่ 5 แห่ง ก็คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ตามแผนเพียงแห่งเดียวคือ Ibis กะตะ จ.ภูเก็ต ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการในเดือน ธ.ค.52
ส่วน Ibis ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ จากที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 1/53 ก็คาดว่าจะเลื่อนการเปิดไปเป็นไตรมาส 4/53 แทน อีก 3 โครงการ คือ Ibis กระบี่, Ibis ศรีราชา ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการในไตรมาส 4/52 และ Ibis หัวหิน ที่มีแผนจะเปิดดำเนินการในไตรมาส 1/53 นั้น ทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหากสถานการณ์ต่างๆ มีทีท่าว่าจะดีขึ้นก็อาจจะมีการทบทวนแผนงานอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการที่มีการชะลอออกไปนั้น ปัจจุบันมีการซื้อที่ดินรองรับไว้แล้ว รอเพียงกำหนดระยะเวลาการก่อสร้างเท่านั้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าทบทวนค่าใช้จ่ายทั้งหมด และปรับลดในส่วนที่ไม่จำเป็น เช่น ลดการทำกิจกรรมภายในองค์กร ลดการ Training พนักงาน รวมทั้งการปรับแผนการชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงินด้วย