โบรกฯแนะ"ซื้อ/ถือ"MCOT คาด Q1 ดี Q2 เด่น/ได้เงินเพิ่มจากให้ทรูฯมีโฆษณา

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 29, 2009 10:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะทั้ง"ซื้อ"และ"ถือ"มองผลประกอบการไตรมาส 1/52 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/51 และแนวโน้มไตรมาส 2/52 จะโดดเด่นในช่วงไฮซีซั่น รวมกับคาดว่าจะได้โฆษณาค่ายยูนิลีเวอร์ที่ไหลมาจากช่อง 7 รวมทั้ง บอร์ด อสมท.อนุมัติในหลักการให้ทรูวิชั่นส์มีโฆษณาได้แลกกับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้ม MCOT มีรายได้มากขึ้นด้วย ขณะที่ราคาหุ้นก็ยังถูกกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกัน โดยเฉพาะอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงไม่ต่ำกว่า 10%

แต่บริษัทก็ยังเผชิญความเสี่ยงจากการบังคับใช้ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ที่อาจจะทำให้บริษัทต้องแบ่งรายได้จากสัปมทานครึ่งหนึ่งให้กับรัฐ โดยคาดว่ากฎหมายฉบับนี้มีผลในปีหน้า รวมถึงตัวกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ที่คาดว่าจะคัดเลือกได้ในเดือนมิถุนายนนี้

วานนี้ ราคา MCOT ปิดที่ 13.80 บาท บวก 0.10 บาท (+0.73%)

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.กิมเอ็ง          ถือ            24.00
          บล.กสิกรไทย        ซื้อ            20.07
          บล.บีฟิท            ซื้อ            17.50
          บล.เกียรตินาคิน      ถือ            15.64
          บล.เอเซียพลัส       ถือ            14.00

นส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ นักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)คาดกำไรไตรมาส 1/52 เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาส 1/51 จากธุรกิจโทรทัศน์ ซึ่งงวดเดียวกันของปีก่อนมีช่วงที่หยุดออกอากาศรายการปกติสองสัปดาห์แรกของปีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระพี่นางฯ ขณะที่ปีนี้ออกอากาศเต็มเวลา

ทั้งนี้ คาดว่าอัตราการใช้เวลาโฆษณาของช่อง 9 ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้โดยรวมคาดว่าจะสูงขึ้มาที่ 85% จาก 78% ในไตรมาส 1/51

อีกทั้งยังมีการปรับขึ้นค่าโฆษณาบางรายการตั้งแต่ต้นปี และมีการปรับผังรายการในเดือนเมษายน ช่วงรายการข่าวเช้าจากการผลิตเองมาเป็นร่วมผลิตกับเนชั่น โดยมีการแบ่งกันขายนาทีโฆษณา(Time sharing)และปรับขึ้นค่าโฆษณาจาก 50,000 บาท/นาที เป็น 100,000 บาท/นาที โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อโฆษณา

ดังนั้น คาดว่าทั้งปีนี้กำไรสุทธิของ MCOT จะเพิ่มขึ้น 4% เป็น 1,275 ล้านบาท(1.85 บาท/หุ้น)จากการปรับผังรายการให้ได้รับความนิยมสูงขึ้น การปรับค่าโฆษณาบางรายการ การออกอากาศ Seasonal programme อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ The Star 5 และ AF6 และมีรายได้จากการเป็น Host broadcaster งาน Asian Summit ซึ่งคาดว่า MCOT จะรับรู้รายได้ 30 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้รับร่างไปเมื่อต้นเดือนมีนาคม และระหว่างนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการพิจารณา ถือเป็นความเสี่ยงของบริษัท โดยคาดว่าจะออกมาเป็นกฎหมายได้อย่างเร็วที่สุดในปีหน้า ซึ่งอาจจะทำให้ MCOT สูญเสียรายได้ค่าสัมปทานบางส่วนที่ได้จาก บมจ.บีอีซี เวิลด์(BEC)หรือช่อง 3 และ ทรูวิชั่นส์ บางส่วนให้กับภาครัฐ

"แต่เรื่องนี้ก็ยังมีความไม่แน่นอน เพราะอย่างที่ทราบเรื่องกฎเกณฑ์อาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้ เพราะกม.ฉบับนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นของกรรมาธิการของสภา แต่ที่ยังแนะนำให้"ถือ"เพราะเห็นว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลค่อนข้างสูงไม่น่าจะต่ำกว่า 10% ในปีนี้ และกระแสเงินสดค่อนข้างดีทีเดียว ดูในแง่ผลประกอบการก็ไม่ได้โดดเด่นมาก ดูภาพรวมทั้งปีคาดว่าจะมีกำไรสุทธิโต 4%" นส.สุทธาทิพย์ กล่าว

นักวิเคราะห์จาก บล.เกียรตินาคิน คาดว่าในไตรมาส 1/52 บริษัทจะมีรายได้ค่าโฆษณาสื่อโทรทัศน์เพิ่มขึ้นถึง 23% จากไตรมาส 1/51 เนื่องจากมีความได้เปรียบทางด้านราคาค่าโฆษณาเมื่อเทียบกับคู่แข่งและจากในช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ค่าโฆษณาต่ำ คาดกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนในไตรมาสเดียวกันเป็น 279 ล้านบาท แม้มีแนวโน้มว่าผลประกอบการปี 52 ของบริษัทจะดีกว่าที่เราคาดว่าจะลดลง 20% จากปีก่อน

อย่างไรก็ดี มองว่า หุ้น MCOT มีทั้งจุดดีและจุดด้อย จึงไม่ได้เชียร์เต็มที่ จุดดี คือไตรมาส 1 รายได้ค่าโฆษณาดีขึ้น เพราะค่าโฆษณาถูกกว่าช่องอื่น ทำให้โฆษณาไหลเข้ามาที่ช่อง 9 และอีกประเด็นหนึ่งที่ทางยูนิลีเวอร์ได้รับส่วนลดจากช่อง 7 น้อยลงทำให้ช่อง 9 รับผลดีไป ซึ่งเห็นได้จากส่วนแบ่งตลาดค่าโฆษณาของช่อง 9 จะเพิ่มขึ้น

ทั้งปีคาดว่าจะดีขึ้นเพราะปีที่แล้วกำไรค่อนข้างต่ำและได้เม็ดเงินโฆษณาได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 52 จะลดลงจากปีที่แล้ว เพราะดูจากผังรายการช่อง 9 ยังไม่แข็งแกร่ง สู้คนอื่นไม่ได้ ซึ่งต้องใช้รายการดึงดูดโฆษณา

ส่วนจุดเสี่ยง ต้องรอลุ้นว่ากรรมการผู้อำนวยการคนใหม่จะเป็นใคร มีนโยบายอย่างไร เพราะจะมีผลต่อผังรายการ และโฆษณาที่เข้ามาต่อเนื่องหรือไม่ รวมทั้งมีความเสี่ยงตาม พ.ร.บ.คลื่นความถี่ฯ ที่บริษัทต้องนำส่งรายได้จากค่าสัปมทานให้กับรัฐเกือบครึ่ง ก็จะสงผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท

"คิดว่าน่าจะรอหลังจากได้ตัว ผอ.ใหม่จะดีกว่า ถ้าใครที่มีก็ถือไปก่อน เพราะก่อนหน้าที่คุณมิ่งขวัญ(แสงสุวรรณ์)ออกไปทำให้ราคาหุ้นลดลง คนจะไม่มั่นใจผอ.ใหม่ เพราะเน้นสาระมากเกินไป ทางโฆษณาก็ไม่กล้าลง"นักวิเคราะห์กล่าว

ด้านบทวิเคราะห์ของบล.กสิกรไทย มองว่า หุ้น MCOT ราคาถูกสุดในกลุ่มบันเทิงและมีอัตราการจ่ายปันผลสูงประมาณ 11% และคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/52 จะสูงสุด ตามฤดูกาล รวมทั้งได้ประโยชน์จากงานโฆษณาที่ไหลมาจากช่อง 7

ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาส 1/52 กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาส 1/51 แต่ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/51


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ