(เพิ่มเติม) MINT กู้เงิน 4 พันลบ.ใช้รีไฟแนนซ์-เพิ่มกระแสเงินสด,ทบทวนเป้ากำไรปี 52

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 29, 2009 12:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) กล่าวว่า บริษัทได้รับเงินกู้ระยะยาว อายุ 7 ปี จำนวน 4 พันล้านบาทจาก ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ในวงเงินกู้ 1.5 พันล้านบาท และ ธนาคารกรุงศรีอยูธยา(BAY) วงเงิน 2.5 พันล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินดังกล่าวไปชำระคืนเงินกู้และหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระในปี 52-53 จำนวน 2.5 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้กับบริษัท และที่เหลืออีก 1.5 พันล้านบาทจะนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนออกหุ้นกู้ ในช่วงปลายปีนี้ โดยเบื้องต้น ยังคงวงเงินเดิมที่เคยพิจารณาจะเสนอขาย 4 พันล้านบาท แต่คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท เพราะบริษัทต้องการนำเงินมาชำระคืนเงินกู้ยืม และลดต้นทุนทางการเงิน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะติดตามสถานการณ์ตลาดการเงิน เพื่อตัดสินใจออกหุ้นกู้ ในจำนวนและระยะเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง

*ทบทวนคาดการณ์กำไรปี 52

นางปรารถนา กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนกำไรปี 52 จากเดิมที่คาดว่ากำไรปีนี้จะใกล้เคียงกับปี 51 ที่มี 1.9 พันล้านบาท เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง และ การระบาดของไช้หวัดใหญ่เม็กซิโก ทำให้บริษัททบทวนเป้าหมายกำไรของบริษัทกันใหม่

"เรื่องกำไรบริษัทก็อยู่ระหว่างการทบทวน เพราะมีปัญหาเสื้อแดง ปัญหาไข้หวัดเม็กซิโก มาเพิ่มปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งเราก็ได้รับผลกระทบตั้งแต่ระลอกแรกที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิกในกรุงเทพ นักท่องเที่ยวก็หายไปเลย และยังมาเจอเรื่องไข้หวัดเม็กซิโก โรงแรมในต่างประเทศของเราคงได้รับผลกระทบ แต่มองในแง่ดีอาจเป็นโอกาสให้นักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะถือว่าเป็นพื้นที่มีความเสี่ยงต่ำ" นางปรารถนา กล่าว

ส่วนรายได้ในปี 52 ปรับเป็นเติบโตราว 5-10% จากเดิมคาดว่ารายได้โต 7-10% ซึ่งจากปีก่อนมีรายได้ 1.65 หมื่นล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อว่าธุรกิจอาหารจะเติบโตมากว่า 10% เนื่องจากธุรกิจอาหารไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่เกิดขึ้นเท่าไรนัก ยกเว้นธุรกิจอาหารในประเทศสิงคโปร์ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

ขณะที่ อัตราการเข้าพักโรงแรมในเครือ ในปี 52 นั้น บริษัทได้ทบทวนลดลงเหลือ 50-55% จากเดิมคาดว่าจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 65% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการออกพ.ร.ก.การบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิกในเขตกรุงเทพและปริมณฑล

*มองโอกาสซื้อแบรนด์อาหารตปท.เพิ่ม

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจอาหารแบรนด์ต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าในครึ่งปีหลังน่าจะได้เห็นความชัดเจน เพราะว่าราคาที่เสนอมาให้บริษัทก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่บริษัทก็มองว่า ราคาอาจจะปรับลดลงได้อีก

สำหรับโครงการลงทุน บริษัทยังคงเดินหน้าโครงการ St.Regis ที่ราชดำริ มูลค่า 4.7 พันล้านบาท และ โครงการ Baa Atoll ที่มัลดีฟ มูลค่าลงทุน 1.4 พันล้านบาท ซึ่งทั้งสองโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง

ส่วนโครงการอนันตรา ที่กรุงเทพ ที่เป็นโครงการที่พักอาศัย และโรงแรม มูลค่า 4 พันล้านบาทที่ได้เลื่อนไปเมื่อ ไตรมาส 3/51 บริษัทจะนำกลับมาทบทวนใหม่ในเดือนมิ.ย.-ก.ค.52 ที่อาจจะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินก่อน ส่วนโรงแรมอนันตรา เขาหลัก จ.พังงาน มูลค่า 1.7 พันล้านบาท นั้นยังคงชะลอออกไปโดยไม่มีกำหนด

สำหรับงบลงทุน นางปรารถนากล่าวว่า บริษัทยืนยันมีสภาพคล่องทางการเงินที่มั่นคง เนื่องจากมีสถาบันการเงินเปิดวงเงินกู้ให้บริษัทหลายแห่ง หากมีโอกาสในการลงทุน ก็ยังมีเงินพร้อมเข้าลงทุนและมีเงินสดพร้อมเบิกจ่ายได้ทันที ประมาณ 600-800 ล้านบาท



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ