นายปราโมด นารายณ์ ดูเบย์ รองประธานฝ่ายการตลาด บมจ.อินโดรามา โพลีเมอร์ส (IRP)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า กำลังการผลิตของโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐที่จะเข้ามาสมทบในกำลังผลิตรวมของบริษัทตั้งแต่เริ่มเดินเครื่องในช่วงเดือนพ.ค.โดยเบื้องต้นโรงงานดังกล่าวจะผลิตได้ราว 2 แสนตัน/ปี จากกำลังผลิตเต็มที่(100%)ราว 432,000 ตัน ซึ่งจะมีผลทำให้ปริมาณการขายของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย
"ปีนี้ต้องโต...เพราะเรามีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเยอะ เพราะโรงงานใหม่ที่สหรัฐจะเดินเครื่องเดือนหน้า ถ้าโรงงานใหม่เดินก็ต้องเพิ่มขึ้นเยอะ"นายปราโมด กล่าว
นายปราโมด กล่าวว่า กำลังผลิตที่เพิ่มเข้ามาจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมปีนี้เพิ่มเป็น 1.39 ล้านตันตามแผนหรือไม่นั้น และโรงงานในสหรัฐจะผลิตเต็มกำลังเมื่อใดยังไม่ชัดเจน เพราะมีกำลังผลิตบางส่วนที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้และกำลังผลิตส่วนที่เหลือมาจากปีที่แล้ว ซึ่งขณะนี้บริษัทมีหลายอย่างที่กำลังทำอยู่ หากได้โรงงานใหม่ในสหรัฐเริ่มผลิตแล้วถึงจะพูดได้ชัดเจนว่าผลผลิตรวมในอนาคตจะออกมาเป็นเท่าใด
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรในปีนี้จะดีกว่าปี 51 ที่มีรายได้ 4.09 หมื่นล้านบาทและมีกำไร 1.54 พันล้านบาท โดยเฉพาะในแง่ของรายได้ ซึ่งนอกจากกำลังการผลิตและปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นหลังขยายกำลังการผลิตในสหรัฐแล้ว ยังประเมินว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ PET ของทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีกมากไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
"ตอนนี้บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไรก็ยังมีคนดื่มน้ำอยู่ ซึ่งยังต้องใช้ขวดและต้องบริโภคสินค้าที่จำเป็น เท่าที่ดูถึงวันนี้ก็ไม่มีผลกระทบต่อบริษัทเลย แต่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าถึงเวลาแล้วจะเป็นอย่างไรเพราะยังแค่ผ่านไปไม่กี่เดือน แต่ถ้าดูถึงเวลานี้ยังไม่มีปัญหา แต่โดยรวมหรือผู้ประกอบการอื่นเราไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่ของเราไม่มีปัญหา"นายปราโมด กล่าว
ขณะที่ในด้านกำไรนั้น ราคาวัตถุดิบประเภทเคมีภัณฑ์ในช่วงต้นปีที่ปรับลดลงได้ส่งผลให้ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้น บริษัทจึงหวังว่าอัตรากำไรขั้นต้น(gross margin) ของปี 52 น่าจะดีกว่าปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 11% ทำให้ความสามารถในการทำกำไรจะดีขึ้นจากปี 51
"มาร์จินของปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน เราหวังอย่างนั้นถ้าไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นอีกในหลายเดือนข้างหน้า เหตุร้ายคือเศรษฐกิจแย่เกิดขึ้นซึ่งไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือเศรษฐกิจแย่มากในยุโรปหรือที่ไหนก็แล้วแต่ แต่ถ้าดู ณ วันนี้ต้องดีกว่าแน่นอนถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราหวังว่าทุกอย่างจะดีกว่าปีที่แล้ว"นายปราโมด กล่าว
อนึ่ง บริษัทมีโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET ในไทย เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ลิธัวเนีย และสหรัฐ โดยมีกำลังการผลิตรวม 958,000 ตันในปี 51 และจะมีการขยายกำลังการผลิตขึ้นจากโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐฯด้วยกำลังการผลิต 432,000 ตันต่อปี ซึ่งตามแผนงานหลังจากโรงงานแห่งใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วจะมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก PET เพิ่มขึ้นถึง 1.39 ล้านตัน/ปี