ทริสฯ จัดเครดิตหุ้นกู้ใหม่ไม่เกิน 6.3 พันลบ.ของ BANPU ที่ระดับ AA-

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 29, 2009 17:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 6,300 ล้านบาทของ บมจ. บ้านปู (BANPU) ที่ระดับ“AA-"โดยอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่นี้ใช้แทนอันดับเครดิตที่ทริสเรทติ้งจัดไว้เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 สำหรับหุ้นกู้ไม่มีประกันมูลค่า 6,000 ล้านบาทที่มีกำหนดไถ่ถอนภายในปี 2559 เนื่องจาก BANPUตัดสินใจเพิ่มวงเงินหุ้นกู้อีกจำนวน 300 ล้านบาท

ในขณะเดียวกัน ทริสฯ ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “AA-“แนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

อันดับเครดิตสะท้อนฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความเป็นผู้นำในตลาดถ่านหินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรายได้เงินปันผลที่มีความมั่นคงจากธุรกิจไฟฟ้าของบริษัท อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ความต้องการถ่านหินลดลง รวมถึงราคาถ่านหินที่แปรปรวนยังเป็นปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต“Stable"หรือ“คงที่"สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า BANPU จะดำเนินนโยบายการขยายธุรกิจอย่างระมัดระวังและสามารถรักษาฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ ทั้งนี้ การทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้ากับลูกค้าที่หลากหลายจะช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวของความต้องการถ่านหินและราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลงได้บางส่วน

นอกจากนี้ เงินปันผลที่แน่นอนจากธุรกิจไฟฟ้าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจถ่านหินที่มีความท้าทายอย่างมากในปัจจุบัน

ทริสฯ รายงานว่า BANPU เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานรายใหญ่ในเอเชีย โดยก่อตั้งในปี 2526 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตถ่านหินในประเทศไทย และได้ขยายธุรกิจถ่านหินไปยังประเทศอินโดนีเซียและจีนอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ขยายการลงทุนสู่ธุรกิจไฟฟ้าในประเทศไทยและจีน ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา

ธุรกิจถ่านหินของบริษัทมีกำไรคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 73% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ส่วนธุรกิจไฟฟ้ามีสัดส่วนกำไร 27% เมื่อพิจารณาในแง่ของการกระจายตัวในแต่ละประเทศ ในปี 2551 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจำนวน 18,772 ล้านบาทซึ่งมาจากการดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย คิดเป็นประมาณ 74% ส่วนที่เหลือ 26% มาจากการดำเนินงานในประเทศจีน

ปริมาณการผลิตถ่านหินของกลุ่ม BANPU ในปี 2551 (ไม่รวมประเทศจีน) มีจำนวนรวมทั้งหมด 18.1 ล้านตัน โดยเกือบทั้งหมดมาจากเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย ด้วยปริมาณการผลิตถ่านหิน 17.7 ล้านตันในปี 2551 ทำให้บริษัทเป็นผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่อันดับ 4 ในประเทศอินโดนีเซีย ด้วยส่วนแบ่งทางด้านการผลิตจำนวน 7% ของปริมาณการผลิตถ่านหินรวม

แม้ว่าในปัจจุบันราคาถ่านหินจะปรับตัวลดลง แต่ผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินในปี 2552 น่าจะยังอยู่ในระดับที่ดีเนื่องจาก ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2552 บริษัทมีการทำสัญญาขายถ่านหินที่กำหนดราคาไว้แล้วล่วงหน้าคิดเป็นสัดส่วน 57% ของปริมาณการขายถ่านหิน 20 ล้านตันในปี 2552 ณ เดือนธันวาคม 2551

มูลค่าการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทอยู่ที่ 12,205 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนในประเทศไทยในสัดส่วน 73% และในประเทศจีน 27% การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าในประเทศไทยประกอบด้วยการถือหุ้น 50% ใน บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด (BLCP) และ14.99 % ในบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง(RATCH) สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2551 บริษัทได้รับเงินปันผลรวม 4,118 ล้านบาทจากการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 BANPU มีเงินกู้รวม 29,074 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจำนวน 39% ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ใหม่ไปใช้ชำระคืนเงินกู้ที่ครบกำหนดและใช้ปรับโครงสร้างการชำระคืนเงินกู้รวมให้กระจายตัวดีขึ้น

บริษัทวางแผนใช้เงินลงทุนจำนวนประมาณ 208 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2552 และใช้ชำระหนี้เงินกู้อีกจำนวน 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปีระหว่างปี 2553-2554 โดยเงินทุนดังกล่าวจะมาจากกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจำนวนประมาณ 10,000-13,000 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ในระยะปานกลางตามนโยบายที่บริษัทกำหนดไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ