นายวิน วิริยะประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) คาดว่า ทิศทางของผลการดำเนินงานในปีนี้จะดีขึ้นทั้งรายได้และกำไรเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะกำไร คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 52 เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ปรับลดลง ส่งผลให้ต้นทุนลดลงตาม โดยเฉพาะต้นทุนการรีดแผ่นเหล็กที่ปัจจุบันอยู่ที่ 3 พันบาท/ตัน
นอกจากนี้ ความต้องการในการใช้เหล็กยังมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ จึงส่งผลให้บริษัทประเมินว่ากำลังการผลิตในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% จากปีก่อนที่ 1 ล้านตัน
"ผมว่าในปีนี้น่าจะเห็นทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ที่ธุรกิจไม่คล่องตัวราคาวัตถุดิบก็ปรับตัวสูง จึงทำให้เราขาดทุน 4,885.36 ล้านบาท แต่ตอนนี้ราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลง ค่าระวางเรือก็ลดลงตาม ล้วนแต่เป็นผลดีกับเรา"นายวิน กล่าว
การที่ราคาวัตถุดิบปรับลดลงแล้ว ยังทำให้ค่าระวางเรือในปี 52 ปรับลงตามไปด้วย เมื่อเทียบกับปี 51 ที่ค่าระวางเรืออยู่ในระดับสูง จึงทำให้บริษัทมีความสามารถในการส่งออกที่ดีขึ้น ซึ่งก็จะสอดคล้องกับแผนการส่งออกในปีนี้ที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 10% จาก 3-4% ในปีก่อน โดยเฉพาะความต้องการใช้เหล็กในประเทศอินเดีย และจีนเพิ่มขึ้นมาก จากอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/52 เริ่มมีคำสั่งซื้อจากจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหม่เข้ามาแล้ว จากเดิมที่รายได้ส่งออกหลักของเราจะมาจากสหรัฐฯ แต่ปีนี้จะเน้นย่านอาเซียนมากขึ้นจากประมาณ 3-4% ในปี 51
นายวิน กล่าวต่อว่า ประเทศจีนถือเป็นประเทศที่มีความต้องการสูง และกลับมาเป็นผู้นำเข้าสุทธิ จากเดิมที่จะเป็นผู้ส่งออกสุทธิ เนื่องจากต้นทุนการผลิตในประเทศจีน สูงกว่าราคาตลาดโลก 20% ถึงแม้รัฐบาลจีนจะเพิ่มการคืนภาษีให้ผู้ส่งออกมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถเพิ่มปริมาณการส่งออกได้ ขณะเดียวกันการที่ส่งออกมากขึ้นยังเป็นการทดแทนความต้องการใช้เหล็กในประเทศ ที่คาดว่าจะลดลง 15%
นายวิน กล่าวเสริมว่า จากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกยานยนต์ ก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัท จึงไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่บริษัทก็จะพยายามประคองผลประกอบการให้ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการลดค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายในการผลิต หรือการปรับลดเงินเดือนของผู้บริหารลง รวมถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ