ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 168.78 จุด หลัง FED เชื่อศก.ถดถอยมีแน้วโน้มทุเลาลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 30, 2009 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเชื่อมั่นว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอาจจะทุเลาลง นอกจากนี้ เฟดยังตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 168.78 จุด หรือ 2.11% แตะที่ 8,185.73 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 18.48 จุด หรือ 2.16% แตะที่ 873.64 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 38.13 จุด หรือ 2.28% แตะที่ 1,711.94 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.48 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2,560 ต่อ 484 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.40 พันล้านหุ้น

ริชาร์ด คลิปส์ นักวิเคราะห์จาก Stifel Nicolaus ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นทันทีหลังจากคณะกรรมการเฟดออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อคืนนี้ว่า มีสัญญาณบ่งชี้บางอย่างที่บ่งชี้ว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอาจจะทุเลาลง โดยเฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้นปานกลางตั้งแต่เดือนมี.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะตึงตัวในตลาดการเงินเริ่มบรรเทาลงแล้ว นอกจากนี้ เฟดเชื่อว่าตลาดการเงินจะเริ่มมีเสถียรภาพขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลและเฟดร่วมมือกันใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและระบบการคลังภายในประเทศ

การแสดงความคิดเห็นในด้านบวกของเฟดช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก (swine flu) และในการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2497 โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาะถดถอยนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีพ.ศ.2550

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ หลังจากเฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวประมาณ 0.5-1.3% ในปีนี้ มากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวเพียง 0.2-1.1% โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวตลอดทั้งปี 2552 ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวทั้งปีเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.5-8.8% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.1-7.6%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกหดตัวลง 6.1% ต่อปี แต่รายงานระบุว่าการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น และสต็อกสินค้าคงคลังลดลง ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องเก็บสต็อกสินค้าเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกาปิดบวก 6.5% หุ้นซิตี้กรุ๊ปิดบวก 8%

หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 4.4% ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ปิดบวก 2% ส่วนหุ้นวอล-มาร์ท ปิดพุ่งขึ้น 4.1% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ