นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย(KTC)เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้มีมติไม่เห็นชอบแผนเพิ่มทุนของบริษัท โดยธนาคารกรุงไทย (KTB )ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นบริษัทแม่สนับสนุนแผนเพิ่มทุน ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อื่นทั้งผู้ถือหุ้นต่างประเทศและรายย่อยไม่เห็นด้วย เพราะมองผลในระยะสั้นที่กังวลราคาหุ้นที่จะ dilute ลงมา ทำให้ผลโหวตวันนี้ไม่ผ่านเกณฑ์ 3 ใน 4 ของที่ประชุม
ทั้งนี้ ตามแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนนั้นจะเพิ่มทุนจาก 2,578,334,070 บาท เป็น 10,313,336,280 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 773,500,221 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมอัตราส่วนการจองซื้อเท่ากับ 1 หุ้นเดิมต่อ 3 หุ้นสามัญใหม่
นายนิวัตต์ กล่าวว่า จากการเพิ่มทุนไม่สำเร็จ ส่งผลให้บริษัทต้องงดจ่ายปันผลในปี 51 จากเดิมที่คณะกรรมการบริษัทมีมติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 51 ที่อัตราหุ้นละ 1 บาท
"ถ้าเพิ่มทุนไม่สำเร็จ การจ่ายปันผลก็ไม่จำเป็น เพราะว่าในเมื่อเราไม่มีสภาพคล่องก็ไม่ควรนำเงินไปจ่ายปันผล ซึ่งเป็นเรื่องที่บอร์ดเสนอตามเหตุและผล" นายนิวัตต์ กล่าว
อย่างไรก็ดี นายนิวัตต์ กล่าวว่า บริษัทจะมีแผนรองรับหลังจากที่แผนเพิ่มทุนไม่สำเร็จ โดยจะหันมากู้เงินในประเทศ ซึ่งยอมรับว่าอาจทำให้ต้นทุนการเงินของบริษัทสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็อาจจะพึ่งพาเงินทุนจาก KTB ที่มีฐานทุนแข็งแกร่ง แต่การดำเนินการตามแผนสำรองก็คงจะส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในปี 52 ไม่ดีนัก เพราะสินเชื่อจะไม่ขยายตัวและมีต้นทุนการเงินสูงขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC กล่าวว่า การที่บริษัทไม่สามารถเพิ่มทุนได้สำเร็จ ถือเป็นการเสียโอกาสทางธุรกิจ แม้จะไม่ได้ถึงขั้นที่ทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงัก แต่การบริหารงานจำเป็นต้องสร้าง Balance มากขึ้น ต้องระมัดระวังไม่ให้สินเชื่อขยายตัวมากเกินไป ขณะที่จำเป็นต้องจับตาสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3/52-ไตรมาส 4/52 ว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงมากขึ้นหรือไม่
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมทบทวนปรับแผนทางธุรกิจเพื่อรองรับสถานการณ์เมื่อการเพิ่มทุนไม่สำเร็จ โดยจะระมัดระวังค่าใช้จ่ายเพื่อควบคุมต้นทุน โดยปีนี้บริษัทคงจะมีการจัดโปรโมชั่นด้านการตลาดลดลงจากเดิมมาก ขณะที่ด้านบุคลากรจะไม่มีการเพิ่มจำนวนพนักงานทดแทนพนักงานที่ลาออก แต่จะไม่ปรับลดพนักงาน โดยจะมีการเกลี่ยพนักงานไปทำงานในส่วนที่จำเป็น
นอกจากนี้ จะเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ไม่เร่งรัดปล่อยสินเชื่อใหม่มากเกินไป เพราะอาจทำให้สภาพคล่องตึงตัวได้ และเน้นให้สินเชื่อลูกค้ารายใหม่ในวงเงินไม่สูงและไม่ปล่อยระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับล่าง
"การที่เราเพิ่มทุนไม่สำเร็จ ไม่ใช่เป็นกา break ธุรกิจ เพียงแต่เราต้อง Balance มากขึ้น...เราคงต้องหันมากู้ในประเทศ ตอนนี้เชื่อว่าสภาพคล่องในระบบยังมีอยู่สูง ขณะที่ตลาดต่างประเทศไม่มีเพราะเจอวิกฤตเศรษฐกิจกันหมด คงเหลือแต่เรื่องความเชื่อมั่นของผู้ปล่อยกู้ทั้งกองทุนต่างๆ หรือแบงก์"นายนิวัตต์ กล่าว
ด้านนายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงาน Corporate Finance KTC กล่าวว่า ในปี 52 บริษัทมีแผนระดมทุน โดยการออกหุ้นกู้จำนวน 9,000-10,000 ล้านบาทใกล้เคียงปี 51 ซึ่งเชื่อว่าเพียงพอเป็นสภาพคล่อง และชำระคืนเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระหนี้ โดยไม่ต้องเพิ่มทุน
งวดแรกของปีนี้จะออกหุ้นกู้ จำนวน 2,000 ล้านบาท อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 4% เปิดจองตั้งแต่วันที่ 7-12 พ.ค.นี้ และงวดต่อไปจะเสนอขายอีกครั้งระหว่างช่วงนี้จนถึง ต.ค.อีกจำนวน 5,000 ล้านบาท
สำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปีนี้จะมีขึ้นในเดือน ต.ค. จำนวน 3,000 ล้านบาท ขณะที่สัญญาเงินกู้ต่างประเทศ ได้ครบกำหนดชำระคืนไปแล้วในเดือน มี.ค. วงเงิน 5,000 ล้านบาท และบริษัทไม่มีแผนกู้เงินต่างประเทศอีก