นายจง ดิลกสมบัติ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สามารถ-ไอโมบาย(SIM)กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามีกำไรสุทธิในปีนี้สูงกว่าปีก่อนที่มีกำไร 114 ล้านบาท โดยจะพยายามลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทั้งในแง่การตลาดและการทำโปรโมชั่น พร้อมทั้งเปิดตัวโทรศัพท์ไอโมบายรุ่นใหม่ให้ได้ตามแผนที่วางไว้
แต่ยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดี เพราะบริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4/51 ที่ทำให้ยอดขายโทรมือถือหายไป และเกิดสต็อกคงค้างประมาณ 2-3 แสนเครื่อง ส่งผลต่อการทำกำไรในช่วงไตรมาส 1/52 ที่ต้องระบายสต็อกดังกล่าว ซึ่งบริษัทได้ใช้วิธีการบริหารจัดการด้วยการทยอยขยายทั้งในและต่างประเทศเพื่อไม่ให้กำไรขั้นต้นได้รับผลกระทบมากนัก แต่ก็มีบางรุ่นที่จะจำเป็นต้องลดราคาให้กับผู้ซื้อบ้าง
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/52 น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทเร่งออกโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ โดยล่าสุดเปิดตัวโทรศัพท์ไอโมบาย 8 รุ่นใหม่ ราคาตั้งแต่เครื่องละ 1 พันบาท จนถึง 5 พันบาท ซึงเชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของบริษัททั้งปีนี้ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1/52 และทั้งปีนี้มีแผนจะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่กว่ารวม 30 รุ่น และปัญหาสต็อกคงค้างได้จัดการไปเรียบร้อยแล้ว
"เรายังเชื่อว่ามาร์จิ้นไตรมาส 2 และไตรมาสที่เหลือจะกลับมาสูงขึ้น หลังจากเคลียร์ปัญหาสต็อกได้หมด และมีความพยายามผลักดันที่จะขยายทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ปัญหาคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว และเหลือสต็อกเพียงพอตามปกติขายใน 1 เดือนประมาณ 2 แสนเครื่อง ถือว่าหมดปัญหาแล้ว"นายจง กล่าว
นายธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SIM กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะปรับลดงบการตลาดในประเทศ โดยจะเน้นเจาะจงทำการตลาดเฉพาะรุ่น และเน้นปริมาณการขายมากกว่าราคาเฉลี่ยต่อรุ่น ปีนี้ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณเครื่องละ 2 พันบาท ซึ่งจะเน้นทำตลาดในต่างประเทศที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง โดยจะทุ่มงบการตลาดไปที่อินโดนีเซียที่จะทำโปรโมชั่นลุ้นรางวัล คาดว่าจะมียอดขาย 1 ล้านเครื่อง จากยอดขายในต่างประเทศทั้งหมดในปีนี้ที่คาดไว้ 2.3 ล้านเครื่อง
นอกจากนั้นจะทำตลาดสร้างแบรนด์ไอโมบายในอินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรต รวมทั้งมองหาช่องทางขยายธุรกิจในบราซิลและยุโรปตะวันตก
ทั้งนี้ นายธนานันท์ ยังยืนยันว่า เป้าหมายการขายโทรศัพท์ไอโมบายในปีนี้จะอยู่ที่กว่า 5 ล้านเครื่อง โดยแบ่งเป็นในประเทศ 2.7 ล้านเครื่อง ที่เหลือเป็นต่างประเทศ โดยเน้นกลยุทธด้านราคาและฟังก์ชั่นที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยเฉพาะโทรศัพท์ที่ใช้ 2 ซิม และดูทีวีได้ และยังมีแผนเปิดตัวโทรศัพท์มือถือในกลุ่มพรีเมียมเพื่อรองรับระบบ 3G ที่จะเกิดขึ้นด้วย