นายสมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอสเอ็นซี ฟอร์เมอร์ (SNC)เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/52 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ และกำไรสุทธิ ในระดับใกล้เคียงไตรมาส 1/52 ที่มีรายได้ 1.56 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 34 ล้านบาท เนื่องจากช่วงไตรมาส 2/52 บริษัทยังมีงานรับจ้างผลิตและประกอบแอร์(OEM)ที่ผลิตชิ้นส่วนแอร์ ซึ่งคำสั่งซื้อเก่ายังไม่หมด
ทั้งนี้ รายได้ในไตรมาส 1/52 เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรสุทธิลดลง 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมาร์จิ้นงานที่รับทำต่ำกว่าปีก่อน เพราะงานที่ผลิตในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์หายไปมาก
แต่ช่วงครึ่งปีหลังปีนี้คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิของบริษัทจะดีขึ้น เนื่องจากคาดว่าจะได้รับงาน OEM ในส่วนงานผลิตต้นน้ำของชิ้นส่วนแอร์ เช่น งานคอยล์ หรือ งานขึ้นรูปโลหะ ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของแบรนด์หลายแห่ง โดยในไตรมาส 4 คาดว่าจะได้ออเดอร์จากฟูจิตสึเพิ่มอีก 1 รุ่นจากปัจจุบันบริษัทผลิตและประกอบแอร์ให้แล้ว 4 รุ่น
"เป้าหมายเราคือ ถ้าเราได้ OEM มากเท่าไรก็ได้โอกาสทำต้นน้ำมากขึ้น ...ผมเชื่อว่าเรามาถูกต้องแล้ว " นายสมชัยกล่าว
ทั้งนี้ หากบริษัทได้คำสั่งซื้อมากขึ้น ทั้งในส่วน OEM และผลิตชิ้นส่วนต้นน้ำ ทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบหรือต้นทุนการผลิต 70% ทำให้อนาคตรายได้และกำไรดีขึ้น อย่างที่ผ่านมา LG และ ฟูจิตสึ ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่พึงพอใจกับงานของบริษัท เพราะแม้การรับ OEM จะมีมาร์จิ้นน้อยแต่ช่วยลูกค้าลดภาระสินค้าคงคลัง ลดภาระค่าขนส่ง จึงมองว่างาน OEM เป็นเพียงงานเสริม เป้าหมายจริงคือการผลิตชิ้นส่วนต้นน้ำที่ได้มาร์จิ้นดี แม้ยอดขายโตน้อยแต่ต้องการกำไรสูงขึ้น โดยเฉพาะกำไรต่อหุ้น (EPS) บริษัทต้องการทำให้สูงขึ้น โดยจะพยายามเพิ่ม EPS ได้เกิน 1.00 บาท ต่อหุ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่าเป้าหมายในปี 52 ที่คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 20% เป็น 4.8 พันล้านบาท จากปี 51 ที่มีรายได้ 4 พันล้านบาท และกำไรสุทธิจะเติบโต 40% จากปีก่อนที่มีกำไร 99 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิ(net profit margin)ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.5%
ดังนั้น คาดว่าในปี 52 บริษัท จะสามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ในอัตราใกล้เคียงปี 51 ที่จ่ายปันผล 0.45 บาท/หุ้น โดยไม่รวมปันผลพิเศษ
"ปีนี้ยอดกำไรสุทธิกับรายได้ เราก็ยังคงเป้าหมาย แต่ที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสูงถึง 40% เพราะปีที่แล้วฐานกำไรต่ำ แต่เมื่อเทียบเปอร์เซ็นกำไรต่อหุ้น(EPS)จะไม่สูงกว่าปีก่อนมากนัก คิดว่าคงจ่ายปันผลใกล้เคียงกัน"นายสมชัย กล่าว
ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้ของของบริษัทในปีนี้ จะมีสัดส่วนจากชิ้นส่วนรถยนต์ลดลงเหลือ 5% จาก 10% ในปีก่อน ขณะที่รายได้จาก OEM และ ผลิตชิ้นส่วนเครื่องทำความเย็น เพิ่มเป็น 92-93% จากปีก่อนมีสัดส่วน 87-88% ที่เหลือมาจากรายได้อื่นๆ
นายสมชัย กล่าวอีกว่า บริษัทมีโครงการซื้อหุ้นคืน 30 ล้านหุ้น ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 28 มิ.ย.52 แต่ขณะนี้บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นคืนเพียง 11.5 ล้านหุ้น ซึ่งส่วนนี้บริษัทมีแผนรอขายหุ้นดังกล่าวให้พันธมิตรใหม่ แต่คงไม่ใช่ขณะนี้ เนื่องจากยังมีราคาไม่ดี และผลประกอบการยังไม่ดีมาก แต่ยืนยันว่าบริษัทเห็นว่าธุรกิจของบริษัทควรมีพันธมิตรเข้ามาช่วยเสริมธุรกิจและสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อให้บริษัทแข็งแกร่งมากขึ้น
ที่ผ่านมา บริษัทได้ทยอยเข้าซื้อหุ้น SNC ในราคาเฉลี่ย 5 บาทต่อหุ้น หากจะขายคาดว่าจะต้องมีกำไร 10-20% ของราคาที่บริษัทเข้าซื้อ
นายสมชัย กล่าวว่า ปัจจุบันฐานะการเงินบริษัทแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกระแสเงินสดมีอยู่ 750 ล้านบาท มาจากผลประกอบการ 250 ล้านบาท และ 500 ล้านบาท มาจากเงินที่ขายหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งบริษัทได้รับมา 1.1 พันล้านบาท และได้ชำระหนี้แบงก์ไป 500 ล้านบาทท และซื้อเครื่องจักร 100 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าปีนี้จะบริหารสินค้าคงคลังให้เหลือจำนวนวันน้อยลง ซึ่งจะบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น และทำให้บริษัทมีฐานะดีขึ้น และจะช่วยให้การเจรจาต่อรองซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ได้ดีขึ้น และเพิ่มเครดิตให้บริษัท ทั้งนี้ บริษัทได้เครดิตจากซัพพลายเออร์ 60 วัน ขณะที่ให้เครดิตลูกค้า 45 วัน