บมจ.ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล (TSTE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2552 อนุมัติให้บริษัทลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ที เอส จี พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (บริษัทย่อย)ทั้งการถือหุ้นตามสิทธิ และเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในส่วนที่ผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่นสละสิทธิ ซึ่งจะทำให้ TSTE เข้าถือหุ้นในบริษัทย่อยเพิ่มเป็น 94.31% จากเดิม 62.07%
บริษัท ที เอส จี พรอพเพอร์ตี้ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 30,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 300,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาทและมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 170,000,000 บาท เพื่อให้ทุนจดทะเบียนเป็น 200,000,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 1,700,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาทและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาหุ้นละ 100 บาท
เดิม TSTE ถือหุ้นอยู่ในบริษัทที เอส จี พรอพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวน 186,203 หุ้น หรือร้อยละ 62.07 และลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนจำนวน 1,055,151 หุ้น ในราคาหุ้นละ 100 บาท เป็นเงิน 105,515,100 บาท ดังนั้นบริษัทฯ จะถือหุ้นจำนวน 1,241,354 หุ้น
และบริษัทฯ จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนในส่วนที่ผู้ถือหุ้นเดิมสละสิทธิอีกจำนวน 644,849 หุ้น ในราคาหุ้นละ 100 บาท คิดเป็นเงิน 64,484,900 บาท ดังนั้นบริษัทฯ จะถือหุ้นทั้งหมด 1,886,203 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 94.31 ของทุนจดทะเบียนใหม่ โดยมีรายการที่มีลักษณะเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันจำนวน 164,678 หุ้น ในราคาหุ้นละ 100 บาท คิดเป็นเงิน 16,467,800 บาท
การที่บริษัทฯ ลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทที เอส จี พรอพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวน 164,678 หุ้นในราคาหุ้นละ 100 บาท ตามมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 คือมูลค่า 174.20 บาทต่อหุ้น เนื่องจากบริษัทที เอส จี พรอพเพอร์ตี้ จำกัด มีกำไรสะสมจำนวน 15.51 ล้านบาทและส่วนเกินทุนจากการ ตีราคาทรัพย์สินจำนวน 6.75 ล้านบาท
และจะดำเนินการในธุรกิจโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มโดยเริ่มทำการก่อสร้างโรงงานในปี 2552 และคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตสินค้าได้ในปี 2553 ซึ่งจะทำให้เกิดรายได้และผลกำไรต่อไปในระยะยาวและจะทำให้บริษัทฯ จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนด้วย เนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มในการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อปรุงอาหารมีการเจริญเติบโตขึ้นเป็นลำดับ