นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT)คาดว่า ผลประกอบการของปตท.ในช่วงไตรมาส 2/52 จะออกมาดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1/52 ที่ได้เริ่มฟื้นตัวจากปลายปี 51 เนื่องจากไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน เพราะราคาน้ำมันมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา
ส่วนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจะเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าไตรมาส 1/52 จะมีกำไรลดลงจากไตรมาส 1/51 มากหรือไม่นั้น นายประเสริฐ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
อย่างไรก็ตาม นายประเสริฐ กล่าวว่า ปตท.ยังเชื่อว่าในปีนี้จะสามารถรักษาระดับกำไรให้อยู่ใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่ารายได้จะลดลงตามแนวโน้มราคาขายผลิตภัณฑ์โดยรวมที่น่าจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา และยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวขึ้นมาในขณะนี้ว่าจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นไปได้ในระยะยาวหรือไม่
แต่ขณะนี้ ปตท.ยังคงคาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยในปีนี้ไว้ที่ระดับ 50 เหรียญ/บาร์เรล โดยมองในเบื้องต้นว่าการปรับตัวขึ้นมาของราคาน้ำมันในระยะนี้น่าจะเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น
"ปีนี้บริษัทสามารถรักษาระดับกำไรใกล้เคียงกับปีก่อนก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะปีก่อนผลประกอบการธุรกิจพลังงานดีมากใน 3 ไตรมาสแรก แต่ก็มาประสบภาวะขาดทุนในไตรมาส 4 ดังนั้นถัวเฉลี่ยกันแล้วปี 52 น่าจะดี หวังว่าจะดีเท่ากับปีก่อนก็เก่งแล้ว"นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลอาจจะปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันอีก 2 บาท/ลิตรว่า หากมีการปรับเพิ่มขึ้นจริงก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ค้าน้ำมัน แต่จะส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมัน ณ สถานีบริการ โดยราคาขายปลีกปัจจุบันถือว่ายังเป็นระดับที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ราคาปรับขึ้นไปถึง 40 บาท/ลิตร
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารัฐคงจะหาวิธีการที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงเกินไปและกระทบต่อประชาชน โดยอาจจะมีการนำเงินจากองทุนน้ำมันเข้ามาช่วย