ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) โดยมีหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นนำตลาดกันอย่างคึกคัก หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ผลการประเมินสถานะความแข็งแกร่งในภาคธุรกิจการเงินจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 63.41 จุด หรือ 1.4% แตะที่ 4,462.09 จุด
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยผลทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของ 19 สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า สถานภาพทางการเงินของธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐที่ไม่ได้เลวร้ายมากอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวลกัน แต่มีสถาบันการเงิน 10 แห่งในจำนวน 19 แห่งที่ทำการทดสอบต้องระดมทุนล็อตใหม่เพิ่มราว 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะขาดทุนในกรณีที่เศรษฐกิจเลวร้ายลงอีก
ขณะเดียวกันเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยว่า ตัวเลขจ้างงานในเดือนเม.ย.ร่วงลง 539, 000 ตำแหน่ง ซึ่งทำสถิติลดลงน้อยที่สุดในรอบ 6 เดือน หลังจากที่เคยทรุดฮวบลง 699,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราว่างงานในสหรัฐยังคงไต่ระดับขึ้นแตะที่ 8.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2526 จากระดับ 8.5% ในเดือนมี.ค.
เดวิด บูอิค นักวิเคราะห์จากบริษัท BGC Partners กล่าวว่า "ตลาดเริ่มฟื้นตัวได้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ"
ทั้งนี้ หุ้นโรยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ทะยานขึ้น 14% หลังธนาคารเผยรายได้ที่ปรับตัวสูงขึ้น 26% แตะที่ 9.7 พันล้านปอนด์ (1.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง ธนาคารยุโรปรายใหญ่ที่สุดไร่ระดับขึ้น 4.1% และหุ้นบาร์เคลย์สเพิ่มขึ้น 1.9%
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวคึกคักขานรับการรายงานตัวเลขจ้างงานในสหรัฐที่ลดลงน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตันเดินหน้า 1.5% และหุ้นบีพี บริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรปถีบตัวขึ้น 2.2%