นายอนุศรา มุทราอิศ กรรมการบริหาร บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)(DELTA)คาดว่า ภายในปีนี้เบริษัทจะสรุปผลการเจรจาเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศอย่างน้อย 1 แห่ง จากที่เจรจาอยู่ 3 แห่ง โดยกิจการที่จะเข้าซื้ออันดับแรกจะอยู่ในธุรกิจ Telecom Power ถึงแม้ดีลดังกล่าวจะล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ทำให้บริษัทได้ราคาถูกลง สอดคล้องกับเม็ดเงินที่เตรียมไว้กว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยวัตถุประสงค์จะเข้าซื้อกิจการเพื่อขยายตลาด
"เดิมเราหวังจะใช้อินเดียเป็นฐานให้เราเจาะตลาดยุโรป แต่พอคุยแล้วไม่ก้าวหน้า จึงทำให้อินเดียคงเป็นฐานส่งยุโรปไม่ได้ ก็เลยกลับมาใช้ไทยเป็นฐานส่งออก แต่ไม่ใช่ว่าเราจะหยุดลงทุนในอินเดียเพราะความต้องการยังมี ซึ่งจากการที่การเจรจาไม่คืบ อาจกระทบต่อเป้าหมายรายได้ที่มาจากรายได้ 1 พันล้านบาทในปี 55 ซึ่งคงจะ delay ไปปี 56 แทน"นายอนุศรา กล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานที่อินเดียทางตอนเหนือ ซึ่งผลิต UPS, power supply, power system, LCD TV แต่ความต้องการทางตอนใต้ของอินเดียยังมีอยู่ ทำให้บริษัทเตรียมเจรจาที่จะสร้างโรงงานเพิ่มทางตอนใต้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 200-300 ล้านบาท เพื่อผลิตสินค้าไอทีพื้นฐาน
นายอดิศร กล่าวยอมรับว่า บริษัทมีความกังวลต่อรายได้และกำไรในปีนี้จะลดลงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและตลาดยุโรปแย่กว่าที่คาดไว้ แม้ในช่วงต้นไตรมาส 2/52 จะเริ่มมีออเดอร์เข้ามา แต่ดูแล้วก็ยังเป็นออเดอร์ที่ไม่แท้จริง เพราะน่าจะเป็นผลจากการกระตุ้นของแต่ละประเทศมากกว่า
"จากผลกระทบดังกล่าวมองว่ารายได้ในปีนี้คงจะลดลงมาอยู่ที่ 880 ล้านเหรียญฯ จากเป้าหมายที่ 1,100 ล้านเหรียญฯ ขณะที่กำไรสุทธิก็คงจะลดลงกว่าปีก่อนเช่นกัน แต่ในแง่อัตรากำไรสุทธิจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 8.8%" กรรมการบริหาร DELTA กล่าว
สำหรับในไตรมาส 1/52 ออเดอร์ของยุโรปลดลงถึง 20% และคาดว่ารายได้ในไตรมาส 2/52 คงจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1/52 ที่มี 6,359 ล้านบาท แต่หากได้เห็นจุดต่ำสุดของยุโรปในไตรมาส 3/52 ก็จะทำให้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นในไตรมาสต่อ ๆ ไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพยายามออกสินค้าใหม่ โดยเฉพาะตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่เป็นตัวผลักดันยอดขาย ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นออเดอร้บ้างแล้วจากสหรัฐฯ และเชื่อว่าจะมียอดขายจากสินค้าใหม่ดังกล่าวมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าหรืออ่อนค่าบริษัทไม่ได้กังวลเพราะได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราเลกเปลี่ยนไว้แล้ว