ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ BJC ที่ระดับ “A+/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 12, 2009 09:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บมจ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ที่ระดับ “A+" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทซึ่งมีตราสินค้าที่มีชื่อเสียง ความได้เปรียบด้านต้นทุนในการผลิตจากการประหยัดจากขนาดของสินค้าบรรจุภัณฑ์และกระดาษชำระ ตลอดจนผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ นอกจากนี้ ในการให้อันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะธุรกิจที่หลากหลายของบริษัทและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทกับพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยทริสเรทติ้งกำลังติดตามผลกระทบจากวิกฤตทางเศรษฐกิจที่อาจมีต่อการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิด

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการแข่งขันเอาไว้ได้จากการประหยัดจากขนาด รวมทั้งจากการมีนวัตกรรมของสินค้า และความสามารถในการรักษาลูกค้ารายสำคัญในธุรกิจขวดแก้ว คือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของตระกูลสิริวัฒนภักดีเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะขยายธุรกิจด้วยความระมัดระวังโดยไม่ทำให้ภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์มีประวัติการประกอบธุรกิจในประเทศไทยที่ยาวนานกว่า 1 ศตวรรษ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2544 เมื่อกลุ่มบริษัททีซีซี ภายใต้การบริหารงานของตระกูลสิริวัฒนภักดีกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ธุรกิจหลักของบริษัทแบ่งออกได้เป็น 1) กลุ่มสินค้าและบริการทางอุตสาหกรรม ซึ่งจำหน่ายสินค้าและให้บริการในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้างและวิศวกรรม 2) กลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค ซึ่งจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค 3) กลุ่มสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ซึ่งเน้นสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ 4) กลุ่มสินค้าและบริการด้านเทคนิค ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านเทคนิค เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์เครื่องเขียน และ 5) กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ บริษัทมียอดขายในปี 2551 จำนวน 22,047 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยที่ 10% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในปี 2551 บริษัทมีรายได้จากกลุ่มสินค้าและบริการด้านอุตสาหกรรมคิดเป็น 52.6% ของรายได้รวม กลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค 31.1% รายได้จากกลุ่มสินค้าและบริการด้านเวชภัณฑ์รวมกับกลุ่มสินค้าและบริการด้านเทคนิคคิดเป็น 15.9% โดยกลุ่มธุรกิจต่างประเทศสร้างรายได้ในจำนวนไม่มาก

สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงเสริมจากความหลากหลายของธุรกิจ บริษัทมีกระแสเงินสดในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่สม่ำเสมอเนื่องจากมีพันธมิตรธุรกิจรายหนึ่งของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของรายได้จากสินค้าบรรจุภัณฑ์ กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอยังมาจากการผสมผสานของกลุ่มลูกค้า ซึ่งจำนวน 1 ใน 3 ของรายได้มาจากลูกค้าในกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอาหารในบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความแน่นอน บริษัทมีสถานะเป็น 1 ใน 2 ของผู้ผลิตขวดแก้ว กระป๋องอลูมิเนียม กระดาษชำระ และขนมขบเคี้ยวรายใหญ่ในประเทศ ซึ่งทำให้ได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดในด้านการผลิต อำนาจต่อรองกับผู้จำหน่ายวัตถุดิบและผู้จัดจำหน่ายสินค้า และมีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ปัจจัยสำคัญที่สร้างความสามารถในการแข่งขันให้แก่บริษัทประกอบด้วย ความช่วยเหลือด้านเทคนิคจากผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก วิธีในการลดต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และการมีตราสินค้าที่แข็งแกร่งในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค การขยายตัวของธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์ยารักษาโรค เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์คาดว่าจะคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสร้างสมดุลที่ดีให้แก่กลุ่มธุรกิจโดยรวมของบริษัท

ฐานะทางการเงินของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่มาจากหลากหลายแหล่ง อีกทั้งยังมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง และมีภาระหนี้ในระดับปานกลาง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างคงที่ที่ระดับ 13%-16% อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายมีแนวโน้มลดลงอันเนื่องมาจากแรงกดดันของการแข่งขันที่รุนแรง รวมทั้งราคาของวัตถุดิบและน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรที่ลดลงอย่างรวดเร็วในปี 2551 ซึ่งสืบเนื่องมาจากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นสำคัญ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 38.77% ณ สิ้นปี 2551 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 34.08% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 12.42 เท่า แม้จะคาดว่าสภาพคล่องของบริษัทอาจอ่อนตัวลงในระยะปานกลาง แต่ฐานะทางการเงินยังถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้จากการมีสถานะทางธุรกิจที่มั่นคงและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งกล่าวถึงประเด็นกังวลต่ออันดับเครดิตของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ในระยะปานกลางว่าประกอบด้วย ต้นทุนในการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลทำให้มีอัตรากำไรลดลง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น และความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของบริษัทด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ