GLOW เชื่อแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นหลังโรงไฟฟ้าทั้งหมดเดินเครื่องตามปกติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 12, 2009 10:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์(GLOW) กล่าวว่า แนวโน้มของบริษัทในอนาคตก็ดีขึ้นอย่างมาก เนื่องจากโรงไฟฟ้าทั้งหมดของกลุ่มบริษัทกลับมาดำเนินการตามปกติ ยอดขายลูกค้าอุตสาหกรรมปัจจุบันเริ่มมีเสถียรภาพ และในช่วงครึ่งหลังของปี 52 ยอดขายจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมจะทยอยเข้ามา

ประกอบกับอัตราส่วนกำไรของยอดขายลูกค้าอุตสาหกรรมก็มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการคาดการณ์ว่าอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) จะยังคงอัตราเดิมอย่างน้อยจนกระทั่งเดือนสิงหาคม ในขณะที่ต้นทุนหลักในการดำเนินการอันได้แก่ ต้นทุนค่าก๊าซ และถ่านหิน มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้ง เมื่อโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังการผลิต 115 เมกกะวัตต์แห่งใหม่ของเราเริ่มดำเนินการตามแผนงานในช่วงปลายปีนี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทโกลว์อย่างมากในปี 53

สำหรับผลประกอบการสำหรับไตรมาส 1/52 มีรายได้รวม 7,900 ล้านบาท กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม (EBITDA) 1,504 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (Normalized Net Profit) จำนวน 598 ล้านบาท กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้จำนวน 598 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.44 จากไตรมาส 4/51 และคิดเป็นการลดลงร้อยละ 37.42 จากไตรมาส 1/51

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทได้แก่ ความพร้อมจ่าย (Availability) ของโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัท และ การลดลงของยอดขายของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

ในช่วงเดือน ม.ค. ถึง ก.พ. 2552 หน่วยผลิตไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ IPP กำลังการผลิต 356 เมกะวัตต์ มีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนงาน ในขณะที่โรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังการผลิต 150 เมกกะวัตต์ (CFB#1) มีการหยุดดำเนินการนอกแผนงานตั้งแต่เดือน พ.ย. 51 และกลับมาเริ่มดำเนินการผลิตได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทได้มีการทำประกันภัยสำหรับการหยุดดำเนินการนอกแผนงานดังกล่าว ซึ่งบริษัทได้ยื่นคำร้องเพื่อขอรับเงินชดเชยจากรายได้ที่สูญเสียไปจากการหยุดดำเนินการจากบริษัทประกันเป็นจำนวนมากกว่า 250 ล้านบาท และเงินจำนวนนี้ยังมิได้มีการรับรู้อยู่ในผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัท

โดยยอดขายของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/51 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุด แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 ประมาณร้อยละ 20 ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) 15 สตางค์/หน่วยในเดือน ม.ค.(แม้ราคาก๊าซธรรมชาติมีการปรับตัวลดลงในช่วงเวลาเดียวกันก็ตาม) ช่วยทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินการ (Operating Margin) ปรับตัวดีขึ้นและช่วยลดผลกระทบจากการลดลงของยอดขายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมได้

นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน GLOW กล่าวว่า บริษัทสามารถจัดหาเงินทุนที่ต้องการสำหรับปี 52 รวม 9,000 ล้านบาท ด้วยต้นทุนทางการเงินรวมคงที่ตลอดอายุเงินกู้ที่ต่ำกว่าการจัดหาเงินทุนในปีก่อนหน้านี้ แม้ว่าสภาพคล่องจะมีความตึงตัวมากขึ้นก็ตาม เรามีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและวินัยทางการเงินของเรา ซึ่งสะท้อนผ่านการคงอันดับความน่าเชื่อถือทางเครดิตของทริสที่ระดับ A และ ‘Stable Outlook’ จะช่วยให้เราสามารถจัดหาเงินทุนที่ต้องการสำหรับปี 53-54 ได้ด้วยต้นทุนทางการเงินและเงื่อนไขที่ดีเช่นเดียวกับที่เราได้รับในปัจจุบัน

โกลว์ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ 3 ฉบับ กับธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารทหารไทย รวมเป็นจำนวนเงิน 6,000 ล้านบาท ซึ่งเงินกู้ดังกล่าวสามารถรองรับการลงทุนตามแผนได้จนถึงประมาณเดือน มี.ค.53 เงินกู้ดังกล่าวมีอายุประมาณ 4.5 ปี โดยมีต้นทุนทางการเงินรวมต่ำกว่า 4.9% ต่อปี คงที่ตลอดอายุเงินกู้ และยังคงมีแผนที่จะจัดหาเงินทุนอีกจำนวน 9,000 ล้านบาทในปี 53 และ 7,000 ล้านบาทในปี 54 เพื่อใช้ลงทุนตามแผนการลงทุนที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้เมื่อแผนการลงทุนเสร็จสิ้นจะทำให้กำลังการผลิตรวมของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 67 จาก 1,966 เมกกะวัตต์เทียบเท่าในปัจจุบัน เป็น 3,275 เมกกะวัตต์เทียบเท่าในปี 54


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ