นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร(PHATRA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การที่บริษัท อาร์พีไอซี พีทีอี แอลทีดี จากสิงคโปร์ เข้ามาถือหุ้น PHATRA ในสัดส่วน 36.72% หรือ 78,399,997 หุ้น โดยได้ทำการซื้อขายกันโดยตรงกับ บริษัท รวมพล ภัทร อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ป เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นเล็กน้อยในกลุ่มเดียวกัน
ทั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการบริหารงานแต่อย่างใด ซึ่งกรณีนี้เป็นเพียงการปรับโครงสร้างให้มีความเหมาะสมเท่านั้นเอง
"จริง ๆ เป็นเพียงการปรับโครงสร้างการถือหุ้นเล็กน้อย เดิมทีผู้ถือหุ้นเดิม บริษัท รวมพล ภัทร อินเตอร์เนชั่นแนลฯ เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศซามัวร์ ทีนี้ก็ได้มีการย้ายโฮลดิ้งนี้มาที่สิงคโปร์ เป็นเหตุบางเรื่อง ก็เลยมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น บริษัท อาร์พีไอซี พีทีอี แอลทีดี ซึ่งก็เป็นชื่อที่ย่อมาจากบริษัท รวมพลฯ และกลุ่มผู้ถือหุ้นก็ยังคงเป็นกลุ่มเดียวกัน ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน ดังนั้นก็เลยต้องทำเรื่องตามกระบวนการ และก็ได้มีการขอผ่อนผันจากสำนักงานก.ล.ต.ในเรื่องของการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ เพราะว่ามันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ในแง่ของการบริหารงานก็ไม่ได้เปลี่ยน ในส่วนของกรรมการในบอร์ดของบริษัทฯก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร"นายสุวิทย์ กล่าว
ทางสำนักงานก.ล.ต. ได้ผ่อนผันการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ แล้ว ตามหนังสือ กลต.ที่ กลต.ก. 678/2552 ลงวันที่ 21 เมษายน 2552
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PHATRA กล่าวว่า สำหรับมาร์เก็ตแชร์ของบริษัทฯขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 5.2-5.3% และปีนี้(2552)ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไร แต่ทางบริษัทฯก็จะพยายามทำมาร์เก็ตแชร์ให้ได้ดีที่สุด
"ตั้งมาร์เก็ตแชร์ปีนี้เท่าไร ก็ไม่ได้มีอะไรในใจ แต่ก็อยากจะได้เยอะ เพียงแต่ว่ามันคงเป็นผลจากการให้บริการมากกว่า เป้าผมตั้งอยู่ตรงเรื่องของความพอใจในการให้บริการมากกว่าที่จะมองว่ามาร์เก็ตแชร์จะเป็นเท่าไร"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PHATRA กล่าว