ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) ที่ A(tha) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ F1(tha) โดยให้แนวโน้มมีเสถียรภาพ
ขณะเดียวกันฟิทช์ให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวสำหรับหุ้นกู้ที่ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ SCCC ซึ่งมีวงเงินไม่เกิน 4 พันล้านบาทและครบกำหนดไถ่ถอนในปีพ.ศ.2556 ที่ระดับ A(tha)
การให้อันดับเครดิตแก่ SCCC ครั้งนี้ ฟิทช์พิจารณาจากสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของ SCCC ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของไทย โดยบริษัทมีกำลังการผลิตและส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 26% และ 27% ตามลำดับ นอกจากนี้ อันดับเครดิตของ SCCC ยังแสดงให้เห็นถึงสถานะทางการเงินอันแข็งแกร่งของบริษัท ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นเรื่องการยกระดับการดำเนินการและการลดต้นทุน ผ่านทางการใช้เชื้อเพลิงและวัตถุดิบทางเลือกใหม่ รวมทั้งการก่อสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย ซึ่งช่วยให้บริษัทมีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นและสามารถพยุงกิจการให้แข็งแกร่งได้แม้ในยามที่ดีมานด์ปูนซีเมนต์ชะลอตัวลงในช่วงปีพ.ศ.2552-53
นอกจากนี้ ฟิทช์ยังพิจารณาถึงการที่ SCCC ได้รับการสนับสนุนทางด้านเทคนิค ประสบการณ์และความรู้ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์จากบริษัท Holcim Ltd (Holcim — อันดับเครดิตสากลที่ระดับ BBB / แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โดยถือหุ้นใน SCCC อยู่ประมาณหนึ่งในสามของหุ้นทั้งหมด ขณะเดียวกัน SCCC ยังได้รับประโยชน์จากการใช้เครือข่ายของ Holcim ที่ครอบคลุมไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลกในการสนับสนุนการส่งออกของบริษัทอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตได้ถูกลดทอนลงจากกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ส่วนเกินของประเทศที่มีเหลืออยู่มากซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้มีการแข่งขันทางด้านราคาสูง ในขณะเดียวกันสภาพเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะถดถอยและการอ่อนตัวลงอย่างมากของเศรษฐกิจภายในประเทศน่าจะทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์อ่อนตัวลงในปี 2552-2553 ทั้งในตลาดในประเทศและตลาดส่งออกแม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและโครงการสร้างระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่น่าช่วยลดความเสี่ยงจากการอ่อนตัวลงของความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ได้บ้าง
ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงการคาดการณ์ที่ว่า SCCC จะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่มั่นคงของบริษัท รวมถึงการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพียงพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและเงินปันผล ซึ่งช่วยให้บริษัทมีความคล่องตัวทางการเงินและสภาพคล่องที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบัน