นายสมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. สตาร์ ซานิทารีแวร์ (STAR) เปิดเผยถึงผลประกอบประจำไตรมาส 1/2552 สิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2552 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.90 ล้านบาท หรือ 83.82% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.069 ล้านบาท โดยมียอดขายรวม 53.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.09 ล้านบาท หรือ 12.93% โดยมียอดขายในประเทศใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 6.14 ล้านบาท หรือ 20.59% โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 40.24% เป็น 42.06% ทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
"ในไตรมาส 1 ของปีนี้ตัวเลขต่างๆ ที่ออกมาล้วนแต่สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และปัจจัยพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยนอกเหนือจากผลประกอบการจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ในไตรมาสที่ 1/2552 นี้ได้มีการประเมินมูลค่าสินทรัพย์พบว่า Book Value (มูลค่าหุ้นตามบัญชี) ของ STAR เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.10 บาท/หุ้น หรือ 421.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2551 ที่อยู่ที่ระดับ 2.58 บาท /หุ้น ในขณะที่อัตราหนี้สิน/ทุน หรือ D/E ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.38 เท่า จาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 อยู่ที่ระดับ 0.53 เท่า ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อเนื่องจากในปีที่ผ่านมาที่สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนได้เป็นครั้งแรก"นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวต่อว่า จากผลงานในไตรมาสที่แรกที่ออกมาค่อนข้างดี ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ซึ่งในปี 2552 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวของรายได้ไว้ที่ 10-15% จากปี 2551 ที่มีรายได้อยู่ที่ 230 ล้านบาท ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากปัจจุบันตลาดส่งออกของ STAR โดยเฉพาะยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักยังเติบโตในทิศทางที่ดี มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าเก่า
นอกจากนี้ บริษัทได้ลูกค้าใหม่จากประเทศในกลุ่มยโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียดเรื่องตัวสินค้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปเรื่องคำสั่งซื้อสินค้าได้ในเร็วๆ นี้ และจะรับรู้เป็นรายได้ทันในครึ่งหลังของปี 2552 โดยเบื้องต้นคาดว่าจะทำรายได้ไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท และรายได้จากลูกค้าใหม่ดังกล่าวบริษัทฯ ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการสำหรับปี 2552 ดังนั้นเมื่อมีรายได้เข้ามาเพิ่ม จะนับเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมทันที สนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างโดดเด่นขึ้น
สำหรับประเทศในกลุ่มยุโรป บริษัทฯ ยังไม่เคยส่งสินค้าเข้าไปจัดจำหน่ายมาก่อน ส่วนตะวันออกกลาง และ แอฟริกา ถือเป็นตลาดใหม่ที่บริษัทฯ ยังไม่เคยเปิดตลาดมาก่อน