นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยฮา(KASET) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า รายได้ในไตรมาส 1/52 คาดว่าจะลดลง 10% เนื่องจากทุกคนยังช็อกกับวิกฤติสถาบันการเงินโลก และในช่วงเดือน ม.ค.สต็อกสินค้าในต่างประเทศยังมีอยู่มาก
แต่ยอดขายเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่เดือน ก.พ.มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะสินค้าใหม่อย่างวุ้นเส้นกึ่งสำเร็จรูป ประกอบกับออร์เดอร์ข้าวหอมมะลิปรับตัวดีขึ้น จึงเชื่อว่ายอดขายในไตรมาส 2/52 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/52 รวมทั้งบริษัทกำลังจะเปิดตัวสินค้าใหม่"ข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูป"ที่วางตลาดในเดือนมิ.ย.นี้
ส่วนความร่วมมือกับคู่ค้าใหม่ คือ กลุ่มเดอเบล ในการขยายช่องทางการตลาด น่าจะเห็นความชัดเจนว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้
นายสมฤกษ์ กล่าวว่า รายได้ในไตรมาส 1/52 คาดว่าจะลดลง 10% เนื่องจากยอดขายหายไปในช่วงเดือนม.ค.แต่หลังจากนั้นยอดขายเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่เดือน ก.พ.มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายของเดือนเม.ย.สินค้าโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปเติบโตถึง 100% และยังมีแนวโน้มเติบโตดี และสินค้าใหม่อย่างวุ้นเส้นกึ่งสำเร็จรูป
ประกอบกับ ออร์เดอร์ข้าวหอมมะลิปรับตัวดีขึ้น จึงเชื่อว่ายอดขายโดยรวมในไตรมาส 2/52 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/52 รวมทั้งบริษัทกำลังจะเปิดตัวสินค้าใหม่"ข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูป"ที่วางตลาดในเดือนมิ.ย.นี้ น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทให้เติบโตขึ้นด้วย
"ถึงแม้จะมองว่าโดยภาพรวมการขายในไตรมาส 2/52 น่าจะดีขึ้น แต่การแข่งขันก็สูงขึ้นด้วย ซึ่งก็ต้องดู แต่คิดว่าน่าจะมีโอกาสที่ดีสำหรับเราอยู่ อย่างพรุ่งนี้ก็จะมีงานที่ THAIFEX-World of food ASIA 2009 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย...เราก็มีบูธอยู่ที่นั่นเราก็จะมีเวลาที่จะเจรจาการค้ามากขึ้น"นายสมฤกษ์ กล่าว
สำหรับความร่วมมือกับคู่ค้าใหม่ คือ บริษัท เดอเบล จำกัด ในเครือบริษัทกระทิงแดง จำกัด และบริษัทพรีเมียร์มาร์เก็ตติ้ง(PM)ในการขยายช่องทางการตลาด ขณะนี้อยู่ระวห่างการวางแผนงานร่วมกัน และอยู่ในขั้นตอนการถ่ายทอดงาน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนขอความร่วมมือและผลดีต่อยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง
"คงต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อให้ทีมปฏิบัติและทีมขายได้คุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ และเข้าใจเรื่องการขายของผลิตภัณฑ์และโปรโมชั่นหรือสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมนี้คงต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย คิดว่าพอเข้าที่เข้าทางแล้วด้วยศักยภาพของกลุ่มเดอเบล ผู้กระจายสินค้าน่าจะทำได้ดี"นายสมฤกษ์ กล่าว
ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจทั้งปี 52 จะมีการเติบโตจากปีก่อนอย่างไรนั้น ในภาวะแบบนี้ก็ยังต้องติดตามตลอดอย่างใกล้ชิด กลยุทธ์ต่างๆ ต้องดูเป็นช่วงๆ อย่างละเอียด และต้องปรับกลยุทธ์ให้ทันตลอดทาง ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่ 2,400 ล้านบาทที่ได้นำเสนอผู้ถือหุ้นและบอร์ด จากที่มียอดขาย 2.2 พันล้านบาทในปี 51
"ตอนนี้ก็ยังคงเป้าหมายตรงนั้นยังคงอยู่ถึงแม้เราจะมีช่องทางการจัดจำหน่ายกับพาร์ทเนอร์ ซึ่งก็ต้องรอผลที่เกิดขึ้นเพราะอยู่ในช่วงทำงานก็ต้องใส่อะไรต่างๆ เข้าไปให้เต็มที่ก่อน" นายสมฤกษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเป้าหมายที่จะลดปริมาณสินค้าคงคลังลงในปีนี้ประมาณ 20-30%
"ครึ่งปีหลังนี้คิดว่าอะไร อะไร ดูน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกเพราะครึ่งแรกข่าวร้ายเยอะมาก เรามีนโยบายลดสินค้าคงคลังด้วย ไม่เก็บสต็อกไว้เยอะ ตอนนี้สินค้าคงคลังควรจะลดลงในเป้าหมาย 20-30% อยู่" นายสมฤกษ์ กล่าว
ส่วนผลของการขยายรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้น นายสมฤกษ์ กล่าวว่า จะทำให้ราคาข้าวมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งจะดีต่อภาพรวมทำให้ราคาข้าวไม่ขึ้นแรงหรือลงแรงเกินไป ทำให้ต่างชาติที่คิดจะเข้ามาซื้อข้าวในราคาถูกๆ ทำไม่ได้ เพราะมีราคาอ้างอิงที่ชัดเจนของภาครัฐ
ปัจจุบันราคาข้าวหอมมะลิ(ราคากลาง)สัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ 904 เหรียญฯ/ตัน ราคาข้าวขาวประมาณ 510 เหรียญฯ/ตัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/52 และใน 1 สัปดาห์นี้ราคาคงจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากเงินบาทแข็งค่า โดยราคาข้าวหอมมะลิเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/52 ที่เฉลี่ยอยู่ในระดับประมาณ 840 เหรียญฯ/ตัน เพิ่มขึ้นมาประมาณ 30-40 เหรียญฯ