ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องการเพิ่มทุนของธนาคารในสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 50.34 จุด หรือ 0.60% แตะที่ 8,469.11 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 0.89 จุด หรือ 0.10% แตะที่ 908.35 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 15.32 จุด หรือ 0.88% แตะที่ 1,715.92 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.61 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 1,744 ต่อ 1,270 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.53 พันล้านหุ้น
เจฟฟรีย์ แฟรงเกล นักวิเคราะห์จากบริษัท Stuart Frankel & Co ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อหุ้นของบริษัทที่สามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ รวมถึงหุ้นไฟเซอร์ และหุ้นโคคา-โคลา
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องการเพิ่มทุนของธนาคารหลายแห่งในสหรัฐ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดดิ่งลงอย่างหนักหลังจากมีรายงานว่าสถาบันการเงินแถวหน้าของสหรัฐ 4 แห่ง คือ แบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป, แคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล คอร์ป, ยูเอส บังคอร์ป และบีบีแอนด์ที คอร์ป ต้องนำหุ้นออกขายเพื่อระดมทุนในการจ่ายเงินคืนให้กับรัฐบาลสหรัฐหลังได้รับความช่วยเหลือในโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) แม้ผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคาร (stress test) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าธนาคารเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มเพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม
ทั้งนี้ แม้ดาวโจนส์ปิดในแดนบวก แต่ภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงผันผวนเนื่องจากความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากพอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2551 แสดงความคิดเห็นว่าเศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัวในระยะเวลาอันใกล้นี้
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพ.ค.
หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกและเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิลปิดพุ่ง 2.2% และหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ปิดบวก 1.8%
หุ้นฟอร์ดร่วงลง 17.6% หุ้นจีเอ็มดิ่งลง 20.1% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของค่ายรถยนต์กลุ่มบิ๊กทรีของสหรัฐ
ส่วนหุ้นไฟเซอร์ปิดบวก 5.5% หุ้นโคคา-โคลา ปิดบวก 3.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มบริษัทสร้างบ้านดิ่งลงหลังจากสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ราคาบ้านในเมืองใหญ่ๆของสหรัฐปรับตัวลดลง โดยหุ้น พัลท์ โฮมส์ ปิดลบ 4.6% และหุ้นทูล บราเธอร์ส ปิดลบ 2.4%