ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม ตลาดสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้หลังจากทางการอังกฤษรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในด้านบวก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 9.96 จุด หรือ 0.22% แตะที่ 4,425.54 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,397.41-4,457.46 จุด
เดวิด โจนส์ นักวิเคราะห์จาก IG Index กล่าวว่า นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สปิดร่วงกว่า 5% หลังจากเครดิตสวิสเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถูกกระหน่ำขายเช่นกัน โดยหุ้นลอนมินดิ่งลง 8.6%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากสถาบัน Royal Institution of Chartered Surveyors (RICS) รายงานว่า วิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษในเดือนเม.ย.เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นเนื่องจากมีจำนวนผู้ซื้อบ้านเพิ่มขึ้น ซึ่งภาวะดังกล่าวช่วยทำให้ราคาบ้านร่วงลงน้อยสุดในรอบกว่า 1 ปี
ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษได้ให้คำมั่นว่าจะใช้จ่ายเงิน 1.25 แสนล้านปอนด์ (1.89 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเพิ่มปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ โดยชี้ว่าขณะนี้มีสัญญาณบ่งชี้ที่ดีว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังฟื้นตัวขึ้นขณะที่สมาคมค้าปลีกกล่าวในรายงานอีกฉบับว่า ยอดค้าปลีกในร้านค้าต่างๆในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้
เจเรมี ลีฟ โฆษกของ RICS กล่าวว่า "มีสัญญาณถึงความเป็นไปได้ว่าตลาดจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แต่เราอาจยังไม่เห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนมากนัก เพราะตลาดเงินยังขาดเม็ดเงินหมุนเวียนและภาพรวมการจ้างงานยังไม่แน่นอน"